คำกริยา อังกฤษ | คู่มือเรียนรู้คำกริยาแบบละเอียด

คำกริยา อังกฤษ เป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักคำกริยาในหลากหลายมิติ ทั้งประเภท ตำแหน่ง และตัวอย่างการใช้งานจริงที่ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น

I. คำกริยาในภาษาอังกฤษคืออะไร?

คำกริยา (Verb) เป็นส่วนหนึ่งของคําในภาษาอังกฤษที่ใช้เพื่อแสดงการกระทําหรือสถานะของประธานในประโยค เช่น การเดิน การพูด หรือความรู้สึก คำกริยามีบทบาทสำคัญในการสร้างประโยคในภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นประโยคบอกเล่า คำถาม หรือประโยคคำสั่ง

ตัวอย่างเช่น:

  • She runs every morning. (เธอวิ่งทุกเช้า)
  • They are happy. (พวกเขามีความสุข)

II. ตำแหน่งของคำกริยาในภาษาอังกฤษ

ตำแหน่งของคำกริยาในประโยคภาษาอังกฤษมักเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของประโยค นี่คือตำแหน่งหลักที่พบได้บ่อย:

1. คำกริยาที่อยู่หลังประธาน

คำกริยาส่วนใหญ่มักปรากฏหลังประธาน เพื่อแสดงการกระทำหรือสถานะของประธานนั้น

ตัวอย่าง:

  • The cat sleeps on the sofa. (แมวนอนหลับบนโซฟา)
  • He enjoys reading books. (เขาชอบอ่านหนังสือ)

คำกริยาที่อยู่หลังประธาน

2. คำกริยาที่อยู่หลังคำวิเศษณ์บอกความถี่

คำกริยาสามารถวางตามหลังคำวิเศษณ์ที่แสดงความถี่ เช่น always, often, never

ตัวอย่าง:

  • She always drinks coffee in the morning. (เธอมักดื่มกาแฟในตอนเช้า)
  • They rarely go out at night. (พวกเขาออกไปข้างนอกในเวลากลางคืนไม่บ่อยนัก)

3. คำกริยาที่อยู่หน้ากรรมในประโยค

ในโครงสร้างประโยคที่มีกรรม คำกริยาจะวางอยู่ก่อนหน้ากรรม

ตัวอย่าง:

  • I watch movies on weekends. (ฉันดูหนังในวันหยุดสุดสัปดาห์)
  • She cooked dinner for her family. (เธอทำอาหารเย็นให้ครอบครัว)

4. คำกริยาที่อยู่หน้าคำคุณศัพท์

ในบางกรณี คำกริยาสามารถใช้เพื่อแสดงสถานะหรือคำอธิบายที่มีคำคุณศัพท์ตามมา

ตัวอย่าง:

  • He is tired after work. (เขารู้สึกเหนื่อยหลังเลิกงาน)
  • The sky looks beautiful today. (ท้องฟ้าดูสวยงามในวันนี้)

III. การจำแนกคำกริยาในภาษาอังกฤษ

การจำแนกคำกริยาในภาษาอังกฤษ

คำกริยาในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ตามหน้าที่และลักษณะของคำกริยา

1. การจำแนกตามหน้าที่ของคำกริยา

1.1 กริยา To be

กริยา To be ใช้เพื่อแสดงสถานะหรือความเป็นเจ้าของ โดยรูปของ To be ได้แก่ am, is, are, was, were

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
am /æm/ เป็น, อยู่, คือ I am ready to start a new project. (ฉันพร้อมเริ่มโครงการใหม่)
is /ɪz/ เป็น, อยู่, คือ The book is on the table. (หนังสืออยู่บนโต๊ะ)
are /ɑːr/ เป็น, อยู่, คือ They are excited about the trip. (พวกเขาตื่นเต้นกับการเดินทาง)
was /wɒz/ เป็น, อยู่, คือ He was at the park yesterday. (เขาอยู่ที่สวนเมื่อวานนี้)
were /wɜːr/ เป็น, อยู่, คือ We were happy to see you. (พวกเรามีความสุขที่ได้เจอคุณ)

1.2 กริยาทั่วไป

กริยาทั่วไป (Action Verbs) ใช้เพื่อแสดงการกระทำหรือกิจกรรมที่เกิดขึ้น

 

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
play /pleɪ/ เล่น The children play soccer every evening. (เด็กๆ เล่นฟุตบอลทุกเย็น)
write /raɪt/ เขียน She writes a letter to her friend every week. (เธอเขียนจดหมายถึงเพื่อนทุกสัปดาห์)
read /riːd/ อ่าน He reads a chapter of his book before bed. (เขาอ่านบทหนึ่งของหนังสือก่อนนอน)
cook /kʊk/ ทำอาหาร My mom cooks delicious meals every day. (แม่ของฉันทำอาหารอร่อยทุกวัน)
run /rʌn/ วิ่ง They run around the park every morning. (พวกเขาวิ่งรอบสวนทุกเช้า)

1.3 กริยาช่วย

กริยาช่วย (Auxiliary Verbs) เช่น do, does, did ใช้เพื่อช่วยในการสร้างประโยคคำถามหรือประโยคปฏิเสธ

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
do /duː/ ทำ, ช่วย I do my homework before dinner. (ฉันทำการบ้านก่อนมื้อเย็น)
does /dʌz/ ทำ, ช่วย She does her chores without complaining. (เธอทำงานบ้านโดยไม่บ่น)
did /dɪd/ ทำ, ช่วย They did their best to solve the problem. (พวกเขาทำดีที่สุดเพื่อแก้ปัญหา)
has /hæz/ มี, ได้ทำ He has completed his assignment. (เขาได้ทำการบ้านเสร็จแล้ว)
have /hæv/ มี, ได้ทำ We have many tasks to finish today. (พวกเรามีงานหลายอย่างต้องทำวันนี้)

1.4 กริยา Modal (กริยาความสามารถ)

กริยากลุ่มนี้ใช้แสดงความสามารถ ความเป็นไปได้ หรือคำแนะนำ เช่น can, could, should, might

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
can /kæn/ สามารถ She can speak three languages fluently. (เธอสามารถพูดได้สามภาษาอย่างคล่องแคล่ว)
could /kʊd/ สามารถ (ในอดีต) He could run faster when he was younger. (เขาวิ่งเร็วกว่าเมื่อยังเด็ก)
should /ʃʊd/ ควร You should finish your work before playing. (คุณควรทำงานให้เสร็จก่อนเล่น)
might /maɪt/ อาจจะ They might arrive late due to traffic. (พวกเขาอาจมาถึงสายเพราะการจราจร)
will /wɪl/ จะ I will call you after the meeting. (ฉันจะโทรหาคุณหลังจากประชุม)

1.5 กริยาเชื่อม (Linking Verb)

กริยาเชื่อมใช้เพื่อเชื่อมประธานกับคำคุณศัพท์หรือคำนาม เช่น appear, seem, become

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
appear /əˈpɪə/ ปรากฏ She appears confident during presentations. (เธอดูมั่นใจระหว่างการนำเสนอ)
become /bɪˈkʌm/ กลายเป็น He became a successful entrepreneur. (เขากลายเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ)
seem /siːm/ ดูเหมือน It seems like they are enjoying the trip. (ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังสนุกกับการเดินทาง)
look /lʊk/ ดู The cake looks delicious. (เค้กดูน่าอร่อย)
feel /fiːl/ รู้สึก I feel tired after a long day. (ฉันรู้สึกเหนื่อยหลังจากวันที่ยาวนาน)

2. กริยาอกรรมและกริยาสกรรม

2.1 กริยาอกรรม (Intransitive Verb)

กริยาประเภทนี้ไม่ต้องการกรรมมารองรับ และสามารถยืนได้ในประโยคเดี่ยว

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
sleep /sliːp/ นอนหลับ The baby sleeps peacefully in the crib. (ทารกนอนหลับอย่างสงบในเปล)
arrive /əˈraɪv/ มาถึง They arrived at the station late. (พวกเขามาถึงสถานีช้า)
die /daɪ/ ตาย The flowers died without water. (ดอกไม้ตายเพราะขาดน้ำ)
rise /raɪz/ ลุกขึ้น The sun rises early in the summer. (พระอาทิตย์ขึ้นเร็วในฤดูร้อน)
fall /fɔːl/ ล้ม He fell off the bike yesterday. (เขาล้มจากจักรยานเมื่อวานนี้)

2.2 กริยาสกรรม (Transitive Verb)

กริยาสกรรมต้องมีกรรมมารองรับเพื่อให้ประโยคสมบูรณ์

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
eat /iːt/ กิน She eats a sandwich for lunch. (เธอกินแซนด์วิชเป็นอาหารกลางวัน)
buy /baɪ/ ซื้อ He bought a new phone last week. (เขาซื้อโทรศัพท์ใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)
take /teɪk/ เอา Please take this book to the library. (กรุณานำหนังสือเล่มนี้ไปห้องสมุด)
watch /wɒtʃ/ ดู We watched a movie together last night. (พวกเราดูหนังด้วยกันเมื่อคืน)
give /ɡɪv/ ให้ She gave him a birthday gift. (เธอให้ของขวัญวันเกิดแก่เขา)

3. การจำแนกตามลักษณะของคำกริยา

3.1 กริยาที่แสดงการกระทำ (Active Verb)

กริยาที่แสดงการกระทำมักเป็นกริยาที่แสดงกิจกรรม

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
jump /dʒʌmp/ กระโดด The kids jumped over the puddles. (เด็กๆ กระโดดข้ามแอ่งน้ำ)
talk /tɔːk/ พูดคุย They talked about their holiday plans. (พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับแผนวันหยุด)
run /rʌn/ วิ่ง He runs five kilometers every morning. (เขาวิ่งห้ากิโลเมตรทุกเช้า)
swim /swɪm/ ว่ายน้ำ She swims in the lake during summer. (เธอว่ายน้ำในทะเลสาบในช่วงฤดูร้อน)
write /raɪt/ เขียน I write in my journal every evening. (ฉันเขียนในสมุดบันทึกทุกเย็น)

3.2 กริยาที่แสดงสถานะ (Stative Verb)

กริยาที่แสดงสถานะหรือความรู้สึก เช่น love, like, know

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
know /noʊ/ รู้ I know the answer to this question. (ฉันรู้คำตอบของคำถามนี้)
believe /bɪˈliːv/ เชื่อ She believes in working hard. (เธอเชื่อในการทำงานหนัก)
love /lʌv/ รัก They love spending time together. (พวกเขาชอบใช้เวลาอยู่ด้วยกัน)
hate /heɪt/ เกลียด He hates waking up early. (เขาเกลียดการตื่นเช้า)
need /niːd/ ต้องการ We need more chairs for the meeting. (เราต้องการเก้าอี้เพิ่มเติมสำหรับการประชุม)

3.3 กริยาบางคำที่แสดงได้ทั้งการกระทำและสถานะ

บางคำสามารถใช้ได้ทั้งแบบ Active และ Stative เช่น think, have

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง
think /θɪŋk/ คิด I think it’s going to rain. (ฉันคิดว่าฝนกำลังจะตก)
have /hæv/ มี She has a new car. (เธอมีรถใหม่)
see /siː/ เห็น I see a bird flying in the sky. (ฉันเห็นนกบินอยู่บนท้องฟ้า)
feel /fiːl/ รู้สึก He feels tired after the long journey. (เขารู้สึกเหนื่อยหลังจากการเดินทางที่ยาวนาน)
smell /smɛl/ ดม, มีกลิ่น The soup smells delicious. (ซุปมีกลิ่นหอมอร่อย)

IV. คำกริยาในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยที่สุด

คำกริยา การออกเสียง ความหมาย ตัวอย่าง (พร้อมคำแปล)
be /biː/ เป็น, อยู่, คือ She is a doctor. (เธอเป็นหมอ)
have /hæv/ มี I have a car. (ฉันมีรถ)
do /duː/ ทำ They do homework. (พวกเขาทำการบ้าน)
go /gəʊ/ ไป He goes to school. (เขาไปโรงเรียน)
say /seɪ/ พูด She says hello. (เธอพูดว่าสวัสดี)
get /ɡɛt/ ได้รับ I got a new phone. (ฉันได้โทรศัพท์ใหม่)
make /meɪk/ ทำ He made a cake. (เขาทำเค้ก)
know /noʊ/ รู้ I know the answer. (ฉันรู้คำตอบ)
think /θɪŋk/ คิด She thinks about the problem. (เธอคิดเกี่ยวกับปัญหา)
take /teɪk/ เอา, พา They take the bus. (พวกเขาขึ้นรถเมล์)
see /siː/ เห็น I see a bird. (ฉันเห็นนก)
come /kʌm/ มา He comes home late. (เขากลับบ้านช้า)
want /wɒnt/ ต้องการ She wants a new car. (เธอต้องการรถใหม่)
use /juːz/ ใช้ He uses a computer. (เขาใช้คอมพิวเตอร์)
find /faɪnd/ พบ, เจอ I found my keys. (ฉันเจอกุญแจของฉัน)
give /ɡɪv/ ให้ She gave him a gift. (เธอให้ของขวัญเขา)
tell /tɛl/ บอก Can you tell me the time? (คุณบอกเวลาฉันได้ไหม?)
work /wɜːrk/ ทำงาน He works at a bank. (เขาทำงานที่ธนาคาร)
call /kɔːl/ โทร, เรียก She called her friend. (เธอโทรหาเพื่อน)
try /traɪ/ พยายาม I try to finish my homework. (ฉันพยายามทำการบ้านให้เสร็จ)
need /niːd/ ต้องการ We need more time. (พวกเราต้องการเวลามากขึ้น)
feel /fiːl/ รู้สึก She feels happy. (เธอรู้สึกมีความสุข)
leave /liːv/ ออกจาก He left the room. (เขาออกจากห้อง)
put /pʊt/ วาง Please put the book on the table. (กรุณาวางหนังสือบนโต๊ะ)
mean /miːn/ หมายถึง What do you mean? (คุณหมายความว่าอย่างไร?)
keep /kiːp/ เก็บ, รักษา Keep it safe. (เก็บมันไว้ให้ปลอดภัย)
let /lɛt/ อนุญาต Let her go. (ปล่อยเธอไป)
begin /bɪˈɡɪn/ เริ่มต้น The class begins at 9 AM. (ชั้นเรียนเริ่มตอน 9 โมงเช้า)
help /hɛlp/ ช่วย Can you help me? (คุณช่วยฉันได้ไหม?)
talk /tɔːk/ พูดคุย They talk every day. (พวกเขาพูดคุยทุกวัน)

คำกริยาในภาษาอังกฤษเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างโครงสร้างประโยค ไม่ว่าจะเป็นการแสดงการกระทำหรือสถานะ โดยคำกริยาสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น กริยาทั่วไป กริยาช่วย กริยาอกรรม และกริยาสกรรม การเข้าใจการใช้งานของคำกริยาจะช่วยให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคำกริยาและตัวอย่างการใช้งานต่าง ๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแหล่งที่มา EduFirst School และ Cambridge Dictionary.

5/5 - (1 vote)

เนื้อหาหลัก

รายการบทความ

บางทีคุณอาจสนใจ

If Clause Type 0

ประโยค If Clause Type 0 (Zero conditional): สูตร, การใช้งาน, แบบฝึกหัด

0
คุณกำลังศึกษาเกี่ยวกับ If Clause Type 0 - หนึ่งในโครงสร้างประโยคเงื่อนไขที่สำคัญในภาษาอังกฤษ? บทความนี้จะให้ความรู้เต็มรูปแบบเกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน และแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ If Clause Type 0 เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างชำนาญในการสื่อสารและการเขียน มาติดตามกันเลย! I. ประโยค If Clause Type 0 คืออะไร? If Clause Type...
Past Perfect Continuous

เรียนรู้รายละเอียด Past Perfect Continuous Tense ในภาษาอังกฤษ

0
คุณกำลังพบปัญหาในการใช้ Past Perfect Continuous ในภาษาอังกฤษหรือไม่? บทความนี้จะให้ข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเกี่ยวกับรูปแบบนี้ ตั้งแต่คำนิยาม โครงสร้าง วิธีการใช้ สัญญาณในการตรวจสอบ ไปจนถึงตัวอย่างและแบบฝึกหัดที่ใช้งานได้ มาค้นพบกันเลยเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณ! I. Past Perfect Continuous คืออะไร? Past Perfect Continuous เป็นรูปเวลาหนึ่งในภาษาอังกฤษที่ใช้แสดงถึงการกระทำที่เริ่มต้นในอดีต ดำเนินต่อเนื่องไปสักระยะหนึ่งและสิ้นสุดลงในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต ตัวอย่างการใช้ Past Perfect Continuous: I...
Modal verbs

Modal verbs คืออะไร? วิธีการใช้กริยาช่วยและแบบฝึกหัดพร้อมคำตอบ

0
คุณกำลังประสบปัญหาในการเรียนรู้ Modal verbs - กริยาช่วยในภาษาอังกฤษหรือไม่? บทความนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยคุณเอาชนะหัวข้อไวยากรณ์สำคัญนี้อย่างมีประสิทธิภาพ มาร่วมค้นพบความรู้และแบบฝึกหัดที่มีประโยชน์เกี่ยวกับ Modal verbs กันเลย! I. Modal Verbs มีอะไรบ้าง? กริยาช่วย (Modal Verbs) หรือที่เรียกว่า กริยาช่วยหรือกริยาแสดงความรู้สึก มีหน้าที่แสดงความจำเป็นและหมายความในประโยค รวมถึงความสามารถ การอนุญาต ความจำเป็น การคาดการณ์ และอื่นๆ ประกอบด้วย...
ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ

10+ โครงสร้างประโยคปฏิเสธภาษาอังกฤษที่ใช้กันทั่วไป

0
คุณกำลังประสบปัญหาในการใช้ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษหรือไม่? บทความนี้จะเป็นคู่มือที่มีประโยชน์สำหรับคุณ โดยให้ข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับโครงสร้างประโยคปฏิเสธที่พบบ่อยที่สุดพร้อมแบบฝึกหัดใช้งานเพื่อช่วยให้คุณฝึกฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาค้นพบกันเลย! I. ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษคืออะไร? ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษใช้เพื่อแสดงความหมายที่ตรงกันข้ามกับประโยคยืนยัน แสดงถึงการไม่มี ไม่เกิดขึ้น หรือไม่เป็นความจริงของเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง โครงสร้างประโยคปฏิเสธสร้างขึ้นโดยการใช้คำปฏิเสธ เช่น "not", "no", "never", "none", ร่วมกับองค์ประกอบอื่นๆ ในประโยค ตัวอย่างใหม่: My brother does not play...
If Clause Type 3

ความรู้เกี่ยวกับประโยคเงื่อนไขประเภท 3 (If Clause Type 3) และแบบฝึกหัด

0
คุณกำลังพบปัญหาในการเรียน If Clause Type 3 หรือไม่? บทความนี้จะมอบความรู้เต็มรูปแบบเกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน, การแปรผัน และแบบฝึกหัดที่มีคำตอบเกี่ยวกับ If Clause Type 3 ให้กับคุณ ติดตามกันเลยเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของคุณ! I. If Clause Type 3 คืออะไร? ประโยคเงื่อนไขประเภท 3 เป็นประเภทของประโยคที่ใช้เมื่อผู้พูดจินตนาการถึงผลลัพธ์ของเหตุการณ์/สถานการณ์/การกระทำที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในอดีต ตัวอย่าง: If...

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

โพสต์ใหม่

50 สุภาษิตภาษาอังกฤษที่ควรรู้เพื่อการใช้ชีวิต

Vocabulary
Read more