The IELTS Club x Prepedu

Transitive verb คือ: คู่มือการใช้งานและจำแนกประเภท

การเข้าใจ Transitive verb คือ คำกริยาแสดงการกระทำที่ต้องมีกรรมตรงตามหลังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ เพราะจะช่วยให้การสื่อสารมีความชัดเจนและถูกต้อง ในบทความนี้เราจะพูดถึงความหมายของ transitive verb คือ คำกริยาแสดงการกระทำที่ต้องมีกรรมตรง, ตัวอย่างคำศัพท์ที่พบเจอบ่อยในชีวิตประจำวัน, รวมถึงตัวอย่างประโยคสกรรมกริยา จากนั้นเราจะเปรียบเทียบกับ intransitive verb (อกรรมกริยา) และนำเสนอกรณีของกริยาที่มีความยืดหยุ่น (ใช้ได้ทั้ง transitive และ intransitive)

I. ความหมายและลักษณะเฉพาะของ Transitive Verb (สกรรมกริยา)

1. Transitive Verbs คืออะไร?

Transitive verb คือ คำกริยาแสดงการกระทำที่ต้องมีกรรมตรง (direct object) ตามหลัง เพื่อให้ประโยคสมบูรณ์ กล่าวคือ เมื่อใช้คำกริยาเหล่านี้ ผู้พูดต้องบอกว่า “ทำอะไร” กับ “อะไร”

ตัวอย่าง: “She reads a book.”
(เธออ่านหนังสือ)
ในที่นี้ “reads” เป็น transitive verb เพราะต้องมีกรรมตรง “a book” เพื่อบอกว่าเธอกำลังอ่านอะไร

คำกริยา transitive นั้นมักจะไม่สามารถใช้ในรูป continuous กับความหมายทางสภาวะได้ เนื่องจากเน้นการกระทำที่เกิดขึ้นจริง

2. ตัวอย่างสกรรมกริยาที่มักพบเจอบ่อยๆ

คำกริยา transitive ที่พบบ่อยในภาษาอังกฤษมีหลายคำ ซึ่งสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น

  • Write – เขียน
  • Eat – กิน
  • Build – สร้าง
  • Watch – ดู
  • Buy – ซื้อ
  • Love – รัก
  • Understand – เข้าใจ
  • Clean – ทำความสะอาด
  • Call – โทร
  • Open – เปิด

3. ตัวอย่างประโยคสกรรมกริยา

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน นี่คือชุดตัวอย่างประโยคที่ใช้ transitive verb คือ:

  • “I write emails every day.”
    (ฉันเขียนอีเมลทุกวัน)
  • “He eats an apple during lunch.”
    (เขากินแอปเปิ้ลในเวลาพักกลางวัน)
  • “She built a house near the river.”
    (เธอสร้างบ้านใกล้แม่น้ำ)
  • “We watched the movie last night.”
    (พวกเราดูหนังเมื่อคืนนี้)
  • “They call their friend every weekend.”
    (พวกเขาโทรหาคนเพื่อนในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์)

การเข้าใจ transitive verb คือจะช่วยให้คุณรู้วิธีสร้างประโยคที่มีกรรมตรงตามหลักไวยากรณ์ และสามารถสื่อสารการกระทำในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง

อ้างอิง: 

II. ความเข้าใจใน Intransitive Verb (อกรรมกริยา)

ในส่วนนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่า intransitive verbs คืออะไร และมีคุณลักษณะอย่างไรต่างจาก transitive verbs โดยที่ intransitive verbs นั้นไม่ต้องมีกรรมตรงตามหลังเพื่อให้ประโยคสมบูรณ์

1. Intransitive Verbs คืออะไร?

Intransitive verbs คือ คำกริยาแสดงการกระทำที่ไม่ต้องตามด้วยกรรมตรง กล่าวคือ เมื่อใช้คำกริยาเหล่านี้ในประโยค ประธานเพียงแค่แสดงการกระทำโดยไม่ต้องระบุสิ่งที่ได้รับผลจากการกระทำ

ตัวอย่าง: “The baby sleeps.”
(เด็กน้อยหลับ)
ในที่นี้ “sleeps” เป็น intransitive verb เพราะไม่ต้องมีกรรมตรงตามมา

2. ตัวอย่างอกรรมกริยาที่มักพบเจอบ่อยๆ

คำกริยา intransitive ที่พบบ่อยมีดังนี้:

  • Sleep – หลับ
  • Arrive – มาถึง
  • Laugh – หัวเราะ
  • Cry – ร้องไห้
  • Run – วิ่ง
  • Swim – ว่ายน้ำ
  • Fall – ตก
  • Sit – นั่ง
  • Stand – ยืน
  • Die – ตาย

3. ตัวอย่างประโยคอกรรมกริยา

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน นี่คือชุดตัวอย่างประโยคที่ใช้ intransitive verbs:

  • “The children laugh loudly.”
    (เด็กๆ หัวเราะเสียงดัง)
  • “She arrived early at the station.”
    (เธอมาถึงสถานีแต่เช้า)
  • “The leaves fall gracefully in autumn.”
    (ใบไม้ร่วงอย่างสง่างามในฤดูใบไม้ร่วง)
  • “He swims in the pool every morning.”
    (เขาว่ายน้ำในสระทุกเช้า)
  • “They sat quietly during the ceremony.”
    (พวกเขานั่งเงียบๆ ในงานพิธี)

การแยกแยะระหว่าง intransitive verbs กับ transitive verbs จะช่วยให้คุณเลือกใช้คำกริยาให้เหมาะสมกับบริบทและสร้างประโยคที่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์

III. กริยาที่มีความยืดหยุ่น: ใช้ได้ทั้ง Transitive และ Intransitive

ใช้ได้ทั้ง Transitive และ Intransitive

บางคำกริยาในภาษาอังกฤษมีความยืดหยุ่นที่สามารถใช้งานได้ทั้งในรูป transitive และ intransitive ขึ้นอยู่กับบริบทของประโยค

ตัวอย่าง: “The chef cooks every day.” (Transitive – อาจมีกรรมตรงเช่น “a meal”)
และ “The food cooks slowly.” (Intransitive – ไม่ต้องมีกรรมตรง)

1. ตัวอย่างคำกริยาที่มีความยืดหยุ่น

คำกริยา Transitive (สกรรมกริยา) Intransitive (อกรรมกริยา) คำอธิบายเพิ่มเติม
Cook “She cooks dinner every evening.”

(เธอทำอาหารเย็นทุกคืน)

“The food cooks slowly in the oven.”

(อาหารสุกช้าๆ ในเตาอบ)

“Cook” ใช้เพื่อแสดงการทำอาหารที่มีกรรมตรง (อาหาร) ในประโยค Transitive และแสดงสถานะการสุกของอาหารในประโยค Intransitive
Change “He changed his clothes.”

(เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า)

“The seasons change gradually.”

(ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป)

“Change” สามารถใช้เพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงของสิ่งของ (เสื้อผ้า) หรือเพื่อบอกการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติ
Grow “They grow tomatoes in their garden.”

(พวกเขาปลูกมะเขือเทศในสวน)

“Plants grow quickly in the spring.”

(พืชเติบโตเร็วในฤดูใบไม้ผลิ)

“Grow” ใช้แสดงการปลูกสิ่งของ (Transitive) และการเติบโตโดยธรรมชาติ (Intransitive)
Open “She opened the window to let fresh air in.”

(เธอเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศสดชื่นเข้ามา)

“The window opened by itself.”

(หน้าต่างเปิดเองได้)

“Open” เมื่อใช้แบบ Transitive จะต้องมีกรรมตรง (หน้าต่าง) แต่ในรูป Intransitive อาจแสดงการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เกิดขึ้นเอง
Run “He runs a successful business.”

(เขาบริหารธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ)

“I run every morning for exercise.”

(ฉันวิ่งทุกเช้าเพื่อออกกำลังกาย)

“Run” ในความหมายแรกใช้เพื่อบริหารจัดการ (Transitive) ส่วนในความหมายที่สองหมายถึงการวิ่ง (Intransitive)
Dance “She danced a beautiful waltz at the party.”

(เธอเต้นวอลทซ์อย่างสวยงามในงานปาร์ตี้)

“They danced until midnight.”

(พวกเขาเต้นจนถึงเที่ยงคืน)

“Dance” เมื่อมีกรรมตรงจะระบุประเภทของการเต้น (เช่น waltz) แต่สามารถใช้ Intransitively ในการแสดงออกถึงการเต้นโดยทั่วไป
Break “He broke the vase accidentally.”

(เขาทำให้แจกระเบิดโดยไม่ตั้งใจ)

“The vase broke during the storm.”

(แจกแตกในระหว่างพายุ)

“Break” ใช้ในรูปแบบ Transitive เพื่อบอกว่ามีการทำลาย (กรรมตรงคือ vase) และในรูปแบบ Intransitive เมื่อสิ่งของแตกเอง

2. วิธีการเลือกใช้งาน

การเลือกใช้คำกริยาที่มีความยืดหยุ่นนี้ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของประโยค ถ้าต้องการระบุกรรมตรงให้ใช้ในรูป transitive แต่หากประโยคเน้นการบรรยายสถานะหรือการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องมีกรรมตรง ก็สามารถใช้ในรูป intransitive ได้

การเข้าใจและเลือกใช้คำกริยาที่มีความยืดหยุ่นจะช่วยให้ประโยคของคุณมีความหลากหลายและสามารถสื่อความหมายได้ตรงตามที่ต้องการ

บทความนี้ได้นำเสนอ transitive verb คือ คำกริยาแสดงการกระทำที่ต้องมีกรรมตรง โดยได้จำแนกประเภทออกเป็นสกรรมกริยา (transitive verbs) และเปรียบเทียบกับอกรรมกริยา (intransitive verbs) พร้อมทั้งแนะนำการใช้งานในแต่ละบริบท รวมถึงการแสดงตัวอย่างและตารางคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นแหล่งความรู้ที่มีประโยชน์และช่วยเพิ่มพูนทักษะการใช้ transitive verb คือ ในภาษาอังกฤษของคุณได้อย่างยอดเยี่ยม

5/5 - (1 vote)
The IELTS Club x Prepedu

รายการบทความ

บางทีคุณอาจสนใจ

If Clause Type 0

เจาะลึก If Clause Type 0 (Zero Conditional): ประโยคเงื่อนไข “ความจริงแท้” ที่ต้องรู้ โครงสร้าง วิธีใช้ ตัวอย่างครบ

0
คุณกำลังศึกษาเกี่ยวกับ If Clause Type 0 - หนึ่งในโครงสร้างประโยคเงื่อนไขที่สำคัญในภาษาอังกฤษ? บทความนี้จะให้ความรู้เต็มรูปแบบเกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน และแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ If Clause Type 0 เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างชำนาญในการสื่อสารและการเขียน มาติดตามกันเลย! I. If Clause Type 0 คืออะไร? ทำความเข้าใจแก่นแท้ของประโยคเงื่อนไขแบบศูนย์ If clause type...
If Clause Type 3

If Clause Type 3 (ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3): โครงสร้าง วิธีใช้ ตัวอย่าง เข้าใจง่ายในหน้าเดียว!

0
ประโยคเงื่อนไข (If Clause) เป็นโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่สำคัญในภาษาอังกฤษ ช่วยให้เราสื่อสารความสัมพันธ์ระหว่าง "เงื่อนไข" กับ "ผลลัพธ์" ได้อย่างชัดเจน ในภาษาอังกฤษมีประโยคเงื่อนไขหลายประเภท ได้แก่ Type 0 (ความจริงทั่วไป), Type 1 (ความเป็นไปได้ในอนาคต), Type 2 (สถานการณ์สมมติในปัจจุบัน), Type 3 (สถานการณ์สมมติในอดีต) และ...
Modal verbs

Modal Verb คืออะไร? สรุปหลักการใช้กริยาช่วย เข้าใจง่าย ฉบับสมบูรณ์

0
ในการสื่อสารภาษาอังกฤษให้มีมิติลึกซึ้ง คุณจำเป็นต้องเข้าใจเครื่องมือสำคัญอย่าง Modal Verb คือ "กริยาช่วยชนิดพิเศษ" ที่เพิ่มความหมายให้ประโยคของคุณมีรายละเอียดมากขึ้น Modal verb คือกุญแจที่ช่วยให้คุณสื่อสารได้ตรงจุดประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความสามารถ บอกความเป็นไปได้ หรือขออนุญาต การเข้าใจ modal verb คือการเปิดประตูไปสู่การใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสื่อเจตนา อารมณ์ และทัศนคติได้อย่างแม่นยำในทุกบริบทการสนทนา บทความนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยคุณเอาชนะหัวข้อไวยากรณ์สำคัญนี้อย่างมีประสิทธิภาพ มาร่วมค้นพบความรู้และแบบฝึกหัดที่มีประโยชน์เกี่ยวกับ Modal verbs กันเลย! I....
If Clause Type 1

If Clause Type 1 (First Conditional): โครงสร้าง วิธีใช้ ตัวอย่าง แบบฝึกหัด และข้อควรระวัง ฉบับสมบูรณ์

0
คุณต้องการที่จะเชี่ยวชาญไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่? มาค้นพบ "If Clause Type 1" - ประโยคเงื่อนไขประเภท 1, หัวข้อสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษ บทความนี้จะให้ความรู้ที่ครบถ้วนเกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน, คำแนะนำต่างๆ และรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของ If Clause Type 1, ช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างชำนาญในทุกสถานการณ์ อย่าพลาดบทความที่มีประโยชน์นี้นะ! I. If Clause Type 1...
If Clause Type 2

ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 (If Clause Type 2): คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับคนไทย เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

0
คุณกำลังพบปัญหาในการใช้ "If Clause Type 2" (ประโยคเงื่อนไขประเภท 2) ในภาษาอังกฤษหรือไม่? บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน, การแปรผัน และแบบฝึกหัดที่เกี่ยวข้องกับประเภทประโยคเงื่อนไขนี้แก่คุณ มาค้นพบกันเลยเพื่อเพิ่มพูนทักษะภาษาอังกฤษของคุณ! I. If Clause Type 2 คืออะไร? If clause type 2 คือประโยคเงื่อนไขที่ใช้พูดถึงสถานการณ์ที่ "ตรงข้ามกับความเป็นจริงในปัจจุบัน" หรือ...

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

โพสต์ใหม่

ความแตกต่างระหว่าง because กับ because of และการใช้ในภาษาอังกฤษ

Grammar
Read more