การเรียนรู้ภาษาอังกฤษไม่เพียงแต่เน้นการรู้คำศัพท์และไวยากรณ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเข้าใจโครงสร้างของคำ เช่น Prefix และ Suffix ที่ช่วยเพิ่มความหมายและขยายคำศัพท์ของเราให้หลากหลายและลึกซึ้งยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Prefix และ Suffix หน้าที่หลักการใช้ รวมถึงแบบฝึกหัดที่ช่วยเสริมทักษะของคุณ
I. Prefix คืออะไร?
1. Prefix คืออะไร?
Prefix คือ คำหรือหน่วยคำที่เติมหน้าคำหลักเพื่อเปลี่ยนความหมายของคำนั้นๆ โดยไม่เปลี่ยนแปลงคำหลักเอง ตัวอย่างเช่น คำว่า “happy” เมื่อเติม prefix “un-” จะกลายเป็น “unhappy” ซึ่งหมายถึง “ไม่สุขใจ” การใช้ Prefix ช่วยให้เราสามารถสร้างคำใหม่จากคำเดิมได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ
2. หน้าที่ของ Prefix (คำอุปสรรค)
หน้าที่หลักของ Prefix คือการเปลี่ยนแปลงความหมายของคำหลักให้แตกต่างออกไป เช่น:
- เปลี่ยนความหมายจากบวกเป็นลบ: เช่น “happy” → “unhappy”
- แสดงถึงตำแหน่งหรือทิศทาง: เช่น “pre” (ก่อนหน้า) ใน “preview” หมายถึง “การดูก่อน”
- เพิ่มความหมายเฉพาะเจาะจง: เช่น “bio” ใน “biology” หมายถึง “ชีววิทยา”
การใช้ Prefix ช่วยให้เราสามารถสื่อสารความหมายที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนได้อย่างชัดเจน
3. หลักการใช้ Prefix
การใช้ Prefix ต้องปฏิบัติตามหลักการบางประการเพื่อให้คำที่สร้างขึ้นมามีความถูกต้องและเข้าใจง่าย:
- รู้ความหมายของ Prefix: แต่ละ Prefix มีความหมายเฉพาะ เช่น “re-” หมายถึง “ทำใหม่” ใน “rewrite” (เขียนใหม่)
- ติด Prefix เข้ากับคำหลัก: Prefix จะติดหน้าคำหลักโดยไม่มีช่องว่าง เช่น “unhappy”
- การเปลี่ยนรูปคำตามความเหมาะสม: บาง Prefix อาจทำให้คำหลักเปลี่ยนรูป เช่น “happy” → “unhappiness”
นอกจากนี้ยังมีประเภทของ Prefix ที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง ดังนี้:
3.1. Prefix ที่มีความหมายว่า ไม่ (in-, im-, un-, non-, dis-)
Prefix ที่มีความหมายว่า “ไม่” ใช้เพื่อเปลี่ยนความหมายของคำหลักให้มีความหมายตรงกันข้าม เช่น:
- disagree = ไม่เห็นด้วย
- dislike = ไม่ชอบ
- disconnect = ไม่เชื่อมต่อ
- dissimilar = ไม่เหมือน
- invisible = ซึ่งมองไม่เห็น
- inconvenient = ซึ่งไม่สะดวก
- incorrect = ไม่ถูกต้อง
- inattention = ไม่สนใจ
- impossible = เป็นไปไม่ได้
- immature = ไม่มีวุฒิภาวะ
- unbelievable = ไม่น่าเชื่อ
3.2. Prefix ที่มีความหมายในเชิงลบ คือ เลว ผิด ไม่ดี (mis-, mal-, pseudo-)
Prefix ที่มีความหมายในเชิงลบ ใช้เพื่อแสดงถึงความผิดพลาดหรือคุณภาพที่ไม่ดี เช่น:
- misconception = ความเข้าใจผิด
- misfortune = โชคไม่ดี
- malfunction = การทำหน้าที่ผิดปกติ
- pseudo-science = วิทยาศาสตร์เทียม
3.3. Prefix ที่มีความหมายเกี่ยวกับขนาดหรือระดับ (upper-, super-, sub-, over-)
Prefix ที่เกี่ยวกับขนาดหรือระดับ ใช้เพื่อแสดงถึงระดับสูงหรือต่ำกว่าค่าปกติ เช่น:
- supersonic = เร็วเหนือเสียง
- over-exaggerate = พูดเกินจริง
- surreal = เหนือความจริง/เหมือนฝัน
- submarine = เรือดำน้ำ
- underestimate = ประเมินค่าต่ำเกินไป
3.4. Prefix ที่มีความหมายเกี่ยวกับลำดับ (pre-, fore-, post-, re-)
Prefix ที่เกี่ยวกับลำดับ ใช้เพื่อแสดงถึงการกระทำก่อนหรือหลัง หรือการทำซ้ำ เช่น:
- preorder = สั่งของล่วงหน้า
- forecast = ทำนาย
- pre-test = การทดสอบก่อนเรียน
- post-test = การทดสอบหลังเรียน
- recycle = นำมาใช้ซ้ำ
- rewrite = เขียนใหม่
- restart = เริ่มใหม่
3.5. Prefix ที่มีความหมายเกี่ยวกับจำนวน (uni-, bi-, tri-, multi-)
Prefix ที่เกี่ยวกับจำนวน ใช้เพื่อแสดงถึงจำนวนหนึ่ง สอง สาม หรือหลาย เช่น:
- unicorn = ม้าเขาเดียว
- bi-lingual = สองภาษา
- trilingual = สามภาษา
- multi-color = หลากสี
- monologue = การพูดคนเดียว
- pentagon = ห้าเหลี่ยม
การเข้าใจและใช้ Prefix เหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถสร้างและเข้าใจคำศัพท์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
II. Suffix คืออะไร
1. Suffix คืออะไร
Suffix คือ คำหรือหน่วยคำที่เติมท้ายคำหลักเพื่อเปลี่ยนความหมายหรือประเภทของคำ เช่น คำว่า “quick” เมื่อเติม Suffix “-ly” จะกลายเป็น “quickly” ซึ่งเป็นคำวิเศษณ์ (adverb) Suffix ช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนคำให้เหมาะสมกับการใช้งานในประโยคต่างๆ ได้
2. หน้าที่ของ Suffix (คำปัจจัย)
หน้าที่หลักของ Suffix คือการเปลี่ยนแปลงประเภทของคำหรือเพิ่มความหมายเฉพาะเจาะจง เช่น:
- เปลี่ยนประเภทของคำ: เช่น คำคุณศัพท์ “happy” → คำวิเศษณ์ “happily”
- แสดงถึงจำนวนหรือเวลา: เช่น “-s” ใน “books” หมายถึง “หนังสือหลายเล่ม”
- เพิ่มความหมายเชิงคุณลักษณะ: เช่น “-able” ใน “readable” หมายถึง “อ่านได้”
การใช้ Suffix ช่วยให้เราสามารถสร้างคำที่มีความหมายและรูปแบบที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
3. หลักการใช้ Suffix
การใช้ Suffix ต้องปฏิบัติตามหลักการบางประการเพื่อให้คำที่สร้างขึ้นมามีความถูกต้องและเข้าใจง่าย:
- รู้ความหมายของ Suffix: แต่ละ Suffix มีความหมายเฉพาะ เช่น “-ness” ใน “happiness” หมายถึง “ความสุข”
- ติด Suffix เข้ากับคำหลัก: Suffix จะติดท้ายคำหลักโดยไม่มีช่องว่าง เช่น “happy” → “happiness”
- การเปลี่ยนรูปคำตามความเหมาะสม: บาง Suffix อาจทำให้คำหลักเปลี่ยนรูป เช่น “happy” → “happily”
นอกจากนี้ยังมีประเภทของ Suffix ที่มีความหมายเฉพาะเจาะจง ดังนี้:
3.1. Suffix สำหรับคำนาม (Noun Suffixes)
Suffix ที่ใช้สำหรับสร้างคำนามจากคำหลัก เช่น:
- -ness: happiness (ความสุข)
- -ment: enjoyment (ความเพลิดเพลิน)
- -tion: creation (การสร้าง)
- -ity: activity (กิจกรรม)
- -ship: friendship (มิตรภาพ)
3.2. Suffix สำหรับคำกริยา (Verb Suffixes)
Suffix ที่ใช้สำหรับสร้างคำกริยาจากคำหลัก เช่น:
- -ize: modernize (ทำให้ทันสมัย)
- -ate: activate (ทำให้ทำงาน)
- -en: strengthen (ทำให้แข็งแรง)
3.3. Suffix สำหรับคำคุณศัพท์ (Adjective Suffixes)
Suffix ที่ใช้สำหรับสร้างคำคุณศัพท์จากคำหลัก เช่น:
- -able: readable (อ่านได้)
- -ful: hopeful (เต็มไปด้วยความหวัง)
- -less: hopeless (ไร้ความหวัง)
- -ous: dangerous (อันตราย)
3.4. Suffix สำหรับคำวิเศษณ์ (Adverb Suffixes)
Suffix ที่ใช้สำหรับสร้างคำวิเศษณ์จากคำหลัก เช่น:
- -ly: quickly (อย่างรวดเร็ว)
- -ward: forward (ไปข้างหน้า)
- -wise: clockwise (ตามเข็มนาฬิกา)
การเข้าใจและใช้ Suffix เหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถสร้างและเข้าใจคำศัพท์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิง: Phrasal Verb คืออะไร? คู่มือ 5 ขั้นตอนเรียนรู้ให้เป๊ะ
III. แบบฝึกหัด Prefix Suffix
การฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ Prefix และ Suffix นี่คือแบบฝึกหัดที่ช่วยเสริมทักษะของคุณ:
แบบฝึกหัดที่: เติม Prefix ให้คำที่กำหนด
เติม Prefix ที่เหมาะสมเพื่อเปลี่ยนความหมายของคำดังต่อไปนี้:
- __________happy (หมายถึง ไม่สุขใจ)
- __________do (หมายถึง ทำใหม่)
- __________connect (หมายถึง เชื่อมต่อก่อนหน้า)
- __________visible (หมายถึง ไม่สามารถเห็นได้)
- __________possible (หมายถึง ไม่เป็นไปได้)
- __________functional (หมายถึง ทำงานไม่ถูกต้อง)
- __________accurate (หมายถึง ไม่ถูกต้อง)
- __________compatible (หมายถึง ไม่เข้ากันได้)
- __________secure (หมายถึง ไม่ปลอดภัย)
- __________real (หมายถึง ไม่จริง)
- __________logical (หมายถึง ไม่สมเหตุสมผล)
- __________known (หมายถึง ไม่รู้จัก)
- __________active (หมายถึง ไม่ใช้งาน)
- __________modern (หมายถึง เก่า)
- __________similar (หมายถึง ไม่เหมือนกัน)
คำตอบ:
- Unhappy
- Redo
- Preconnect
- Invisible
- Impossible
- Malfunctional
- Inaccurate
- Incompatible
- Insecure
- Unreal
- Illogical
- Unknown
- Inactive
- Premodern
- Dissimilar
การเรียนรู้ prefix suffix คือ เป็นพื้นฐานสำคัญในการเพิ่มพูนคำศัพท์ภาษาอังกฤษของคุณ การเข้าใจความหมาย หน้าที่ และหลักการใช้ Prefix และ Suffix จะช่วยให้คุณสามารถสร้างและใช้คำใหม่ได้อย่างถูกต้องและหลากหลาย การฝึกฝนผ่านแบบฝึกหัดต่างๆ จะเสริมสร้างทักษะและความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเพิ่มพูนความรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษของคุณ