ประโยคซ้อน (Complex Sentence) เป็นรูปแบบประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ แล้วคุณเข้าใจดีเกี่ยวกับประโยคซ้อนแล้วหรือยัง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ประโยคซ้อน (Complex Sentence) แนวคิดพื้นฐาน ประเภทของประโยคซ้อนในภาษาอังกฤษ และวิธีเปลี่ยนจากประโยคเดี่ยวเป็นประโยคซ้อนอย่างง่ายดาย
I. ประโยคซ้อนในภาษาอังกฤษคืออะไร
ประโยคซ้อน (Complex Sentence) คือประโยคที่ประกอบด้วย อย่างน้อย 2 ประโยคย่อย (Clause) ซึ่งมีความสัมพันธ์ทั้งในเชิงหน้าที่และความหมาย ประโยคซ้อนจะประกอบไปด้วย ประโยคอิสระ (Independent Clause) และ หนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งประโยคย่อย (Dependent Clause) โดยมีการเชื่อมโยงกันด้วยคำเชื่อมประเภท Subordinating Conjunctions หรือ Relative Pronouns
- ประโยคอิสระ คือประโยคที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองและมีความหมายสมบูรณ์
- ประโยคย่อย คือประโยคที่ไม่สามารถอยู่ได้ลำพัง ต้องพึ่งพาประโยคอื่นเพื่อให้มีความหมายสมบูรณ์
ตัวอย่าง:
- Because Anna forgot her umbrella, she got wet on her way home. (เนื่องจากแอนนาลืมร่ม เธอจึงเปียกระหว่างเดินทางกลับบ้าน)
- Dependent Clause: Because Anna forgot her umbrella
- Independent Clause: She got wet on her way home
- Although the team worked hard, they couldn’t finish the project on time. (แม้ว่าทีมจะทำงานหนัก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำโปรเจกต์เสร็จตรงเวลา)
- Dependent Clause: Although the team worked hard
- Independent Clause: They couldn’t finish the project on time
II. ประเภทของประโยคซ้อนในภาษาอังกฤษ
โดยทั่วไป ประโยคซ้อน (Complex Sentence) ในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- ประโยคซ้อนที่ใช้คำเชื่อมประเภท Subordinating Conjunctions
- ประโยคซ้อนที่ใช้ Relative Clauses
มาดูรายละเอียดของแต่ละประเภทพร้อมตัวอย่างกันเลย
1. ประโยคซ้อนที่ใช้คำเชื่อมประเภท Subordinating Conjunctions
ประโยคซ้อน ที่ใช้คำเชื่อมประเภท Subordinating Conjunctions มักมีโครงสร้างดังนี้:
1.1 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์
โครงสร้าง:
As/Since/Because + ประโยคย่อย, ประโยคอิสระ
หรือ ประโยคอิสระ + Because of/Due to + คำนาม/กริยาเติม -ing |
ตัวอย่าง:
- As the storm was approaching, people started preparing their homes. (เมื่อพายุใกล้เข้ามา ผู้คนเริ่มเตรียมบ้านของพวกเขา)
- She decided to cancel the trip because of bad weather. (เธอตัดสินใจยกเลิกการเดินทางเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย)
- We had to postpone the picnic due to the sudden rain. (พวกเราต้องเลื่อนปิกนิกออกไปเนื่องจากฝนตกกระทันหัน)
โครงสร้างเพิ่มเติม (แสดงเหตุผลตามด้วยคำนามหรือวลี)
โครงสร้าง:
Because of/Due to/Owing to + คำนาม/กริยาเติม -ing, ประโยคอิสระ
หรือ ประโยคอิสระ + Because of/Due to/Owing to/Thanks to + คำนาม/กริยาเติม -ing |
ตัวอย่าง:
- Due to the traffic jam, we arrived late to the concert. (เนื่องจากการจราจรติดขัด เรามาถึงคอนเสิร์ตช้า)
- Because of her dedication, she received an award for excellence. (เนื่องจากความทุ่มเทของเธอ เธอได้รับรางวัลสำหรับความยอดเยี่ยม)
- He completed the project on time thanks to his team’s hard work. (เขาส่งโปรเจกต์ตรงเวลาได้ด้วยความพยายามของทีม)
1.2 ประโยคซ้อนแสดงความสัมพันธ์แบบยอมรับ (Concession)
ประโยคซ้อน ที่แสดงความสัมพันธ์แบบยอมรับใช้เพื่อบอกว่าแม้บางสิ่งบางอย่างจะเกิดขึ้น แต่ผลลัพธ์หรือการกระทำยังคงเป็นอีกอย่างหนึ่ง
โครงสร้าง:
Although/Though/Even though + ประโยคย่อย, ประโยคอิสระ
หรือ ประโยคอิสระ + Although/Though/Even though + ประโยคย่อย |
ตัวอย่าง:
- Although the traffic was heavy, they arrived at the concert on time. (แม้ว่าการจราจรติดขัด พวกเขาก็มาถึงคอนเสิร์ตตรงเวลา)
- Even though she practiced diligently, Lisa didn’t win the competition. (แม้ว่าเธอจะฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง ลิซ่าก็ยังไม่ได้รับรางวัลในการแข่งขัน)
- They enjoyed the trip, though the weather was cloudy and cold. (พวกเขาสนุกกับการเดินทาง แม้ว่าสภาพอากาศจะมีเมฆครึ้มและหนาวเย็น)
1.3 ประโยคซ้อนแสดงความสัมพันธ์แบบเปรียบเทียบ/ตรงข้าม (Contrast)
ประโยคซ้อน ที่แสดงความสัมพันธ์แบบเปรียบเทียบหรือตรงข้าม ใช้เพื่อแสดงว่ามีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันระหว่างสองประโยค
โครงสร้าง:
While + ประโยคย่อย, ประโยคอิสระ
ประโยคอิสระ + while/whereas + ประโยคย่อย Whereas + ประโยคย่อย, ประโยคอิสระ |
ตัวอย่าง:
- John enjoys outdoor activities, whereas his brother prefers staying indoors. (จอห์นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ในขณะที่น้องชายของเขาชอบอยู่ในบ้าน)
- While the product is affordable, its quality is not very good. (แม้ว่าสินค้าจะราคาถูก แต่คุณภาพของมันไม่ได้ดีนัก)
- Whereas Emma prefers studying in the library, Jake enjoys studying at home. (ในขณะที่เอ็มม่าชอบเรียนในห้องสมุด เจคกลับชอบเรียนที่บ้าน)
1.4 ประโยคซ้อนแสดงความสัมพันธ์แบบแสดงจุดประสงค์ (Purpose)
ประโยคซ้อน ที่แสดงความสัมพันธ์แบบแสดงจุดประสงค์ ใช้เพื่อบอกเหตุผลหรือวัตถุประสงค์ของการกระทำในประโยคหลัก
โครงสร้าง:
ประโยคอิสระ + in order that/so that + ประโยคย่อย (คำกริยามักใช้ร่วมกับ Modal Verbs) |
ตัวอย่าง:
- Emily saved money so that she could travel abroad during her vacation. (เอมิลี่เก็บเงินเพื่อที่เธอจะได้เดินทางไปต่างประเทศในช่วงวันหยุด)
- They moved to the countryside in order that their children could have a healthier lifestyle. (พวกเขาย้ายไปชนบทเพื่อที่ลูก ๆ ของพวกเขาจะได้มีวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ)
1.5 ประโยคซ้อนแสดงความสัมพันธ์แบบเวลา (Time)
ประโยคซ้อน ที่แสดงความสัมพันธ์แบบเวลา ใช้คำเชื่อมเกี่ยวกับเวลาเพื่อระบุลำดับเหตุการณ์
โครงสร้าง:
Adverb of Time + ประโยคย่อย, ประโยคอิสระ
หรือ ประโยคอิสระ + Adverb of Time + ประโยคย่อย |
คำเชื่อมเวลาที่พบบ่อย:
- Before (ก่อน), After (หลัง), Since (ตั้งแต่), Until (จนกระทั่ง)
ตัวอย่าง:
- We will take a break after we finish this project. (พวกเราจะพักผ่อนหลังจากที่ทำโปรเจกต์นี้เสร็จ)
- Before the meeting starts, please make sure all the documents are ready. (ก่อนที่การประชุมจะเริ่ม กรุณาเตรียมเอกสารให้พร้อม)
- They have been friends since they were in high school. (พวกเขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมปลาย)
1.6 ประโยคซ้อนแสดงความสัมพันธ์แบบสมมติฐาน (Condition)
ประโยคซ้อน ที่แสดงความสัมพันธ์แบบสมมติฐาน ใช้เพื่อบอกเงื่อนไขสำหรับการกระทำหรือผลลัพธ์ในประโยคหลัก
โครงสร้าง:
If/As long as/Unless/In case + ประโยคย่อย, ประโยคอิสระ
หรือ ประโยคอิสระ + If/As long as/Unless/In case + ประโยคย่อย |
ตัวอย่าง:
- If you finish your homework, we can go out for ice cream. (ถ้าคุณทำการบ้านเสร็จ เราสามารถออกไปกินไอศกรีมได้)
- In case the power goes out, make sure to have flashlights ready. (ในกรณีที่ไฟดับ ให้เตรียมไฟฉายไว้ให้พร้อม)
- She will attend the seminar as long as it doesn’t conflict with her schedule. (เธอจะเข้าร่วมสัมมนาตราบใดที่ไม่ชนกับตารางของเธอ)
2. ประโยคซ้อนที่ใช้ Relative Clauses
ประโยคซ้อน ที่ใช้ Relative Clauses ใช้คำสรรพนามหรือคำวิเศษณ์เชื่อม (Relative Pronouns หรือ Relative Adverbs) เพื่อขยายความหมายหรืออธิบายเพิ่มเติมให้กับคำนามในประโยคหลัก
Relative Pronouns
Relative Pronoun | โครงสร้าง | การใช้งาน | ตัวอย่าง |
Who | N (คำนามที่เป็นคน) + who + V/O | ใช้ขยายความสำหรับคำนามที่เป็นคน | The teacher who inspired me is retiring this year. (ครูที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฉันจะเกษียณในปีนี้) |
Which | N (คำนามที่เป็นสิ่งของ/เหตุการณ์) + which + V/O | ใช้ขยายความสำหรับคำนามที่เป็นสิ่งของหรือเหตุการณ์ | The painting which hangs in the gallery is priceless. (ภาพวาดที่แขวนอยู่ในแกลเลอรี่มีค่ามาก) |
Whose | N + whose + คำนาม + V/O | ใช้บอกความเป็นเจ้าของสำหรับคำนามในประโยค | The girl whose dog is missing is very upset. (เด็กผู้หญิงที่สุนัขหายไปกำลังเศร้ามาก) |
Relative Adverbs
Relative Adverb | โครงสร้าง | การใช้งาน | ตัวอย่าง |
When | มุ่งเน้นการขยายความเกี่ยวกับเวลา | ใช้เพื่ออธิบายเวลาหรือช่วงเวลา | We visited the park when the flowers were in full bloom. (เราไปเที่ยวสวนตอนที่ดอกไม้กำลังบานเต็มที่) |
Where | มุ่งเน้นการขยายความเกี่ยวกับสถานที่ | ใช้เพื่ออธิบายสถานที่ | I remember the café where we first met. (ฉันจำคาเฟ่ที่เราเจอกันครั้งแรกได้) |
III. วิธีเปลี่ยนประโยคเดี่ยวเป็นประโยคซ้อนในภาษาอังกฤษ
การเปลี่ยน ประโยคเดี่ยว (Simple Sentence) ให้เป็น ประโยคซ้อน (Complex Sentence) สามารถทำได้โดยการเพิ่มคำเชื่อมและประโยคย่อยตามวิธีการดังต่อไปนี้:
1. ใช้ Relative Clause
Relative Clause ใช้คำเชื่อมเช่น who, which, where, that, how เพื่อขยายความหมายเพิ่มเติมให้กับคำนามในประโยค
ตัวอย่าง:
- ประโยคเดิม: I have a pet. It loves playing with toys. (ฉันมีสัตว์เลี้ยง มันชอบเล่นของเล่น)
- ประโยคซ้อน: I have a pet that loves playing with toys. (ฉันมีสัตว์เลี้ยงที่ชอบเล่นของเล่น)
หมายเหตุ:
Relative Clause สามารถวางได้หลายตำแหน่งในประโยคขึ้นอยู่กับคำนามที่ขยาย
2. ใช้ Noun Clause
Noun Clause ใช้คำเชื่อมเช่น what, when, where, why, how, that เพื่อทำหน้าที่แทนคำนามในประโยค
โครงสร้าง:
S + V + what/when/where/why/how/that + S + V |
ตัวอย่าง:
- ประโยคเดิม: I know the answer. It is important for the test. (ฉันรู้คำตอบ มันสำคัญสำหรับการสอบ)
- ประโยคซ้อน: I know that the answer is important for the test. (ฉันรู้ว่าคำตอบนั้นสำคัญสำหรับการสอบ)
หมายเหตุ:
Noun Clause เป็นประโยคย่อยที่ไม่สามารถยืนได้ลำพัง จำเป็นต้องมีประโยคหลักเพื่อทำให้สมบูรณ์
3. ใช้ Adverbial Clause
Adverbial Clause ทำหน้าที่เหมือนคำกริยาวิเศษณ์ในประโยค ใช้คำเชื่อมเช่น when, while, since, after, as soon as เพื่อระบุเวลา เงื่อนไข หรือเหตุผล
ตัวอย่าง:
- ประโยคเดิม: She finished her work. Then, she went to bed. (เธอทำงานเสร็จ แล้วเธอก็เข้านอน)
- ประโยคซ้อน: She went to bed as soon as she finished her work. (เธอเข้านอนทันทีที่เธอทำงานเสร็จ)
ตัวอย่างเพิ่มเติม:
- Before: She prepared dinner before her guests arrived. (เธอเตรียมอาหารเย็นก่อนที่แขกจะมาถึง)
- After: They cleaned up after the party ended. (พวกเขาทำความสะอาดหลังจากงานเลี้ยงจบลง)
VI. แบบฝึกหัดประโยคซ้อนในภาษาอังกฤษพร้อมเฉลย
ลองฝึกทำแบบฝึกหัดด้านล่างเพื่อจดจำวิธีการเปลี่ยนประโยคเดี่ยวให้เป็นประโยคซ้อนในภาษาอังกฤษ
แบบฝึกหัด: เขียนประโยคด้านล่างให้อยู่ในรูปแบบ ประโยคซ้อน
- The man is holding a blue umbrella. I saw him at the park.
- Anna forgot her wallet. She couldn’t pay for lunch.
- The weather was cold. They decided to stay indoors.
- Jack didn’t understand the instructions. He made a mistake in the exam.
- Sarah loves spicy food. Her brother prefers mild flavors.
- Lily worked extra hours. She wanted to save money for a vacation.
คำตอบ:
- The man who I saw at the park is holding a blue umbrella.
(ผู้ชายที่ฉันเห็นในสวนกำลังถือร่มสีฟ้า) - Anna couldn’t pay for lunch because she forgot her wallet.
(แอนน่าไม่สามารถจ่ายค่าอาหารกลางวันได้เพราะเธอลืมกระเป๋าสตางค์) - Because the weather was cold, they decided to stay indoors.
(เพราะอากาศหนาว พวกเขาจึงตัดสินใจอยู่ในบ้าน) - Jack made a mistake in the exam because he didn’t understand the instructions.
(แจ็คทำข้อสอบผิดเพราะเขาไม่เข้าใจคำสั่ง) - Sarah loves spicy food, whereas her brother prefers mild flavors.
(ซาร่าชอบอาหารรสจัด ในขณะที่น้องชายของเธอชอบรสชาติอ่อนๆ) - Lily worked extra hours so that she could save money for a vacation.
(ลิลี่ทำงานล่วงเวลาเพื่อที่เธอจะได้เก็บเงินไปเที่ยวพักร้อน)
ด้านบนคือข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับ ประโยคซ้อนในภาษาอังกฤษ ที่คุณควรทำความเข้าใจ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าประโยคซ้อนคืออะไร โครงสร้างของประโยคซ้อน และวิธีการเปลี่ยนจากประโยคเดี่ยวให้เป็นประโยคซ้อน ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ Theieltsclub.com นะคะ!