หลักการเติม s/es ในภาษาอังกฤษ: วิธีการใช้งาน คำอธิบาย และตัวอย่างที่เข้าใจง่าย

การเติม s/es เป็นกฎพื้นฐานในภาษาอังกฤษที่ใช้ในหลายบริบท เช่น การทำให้คำนามกลายเป็นรูปพหูพจน์ หรือใช้กับคำกริยาในประโยค Present Simple Tense เมื่อประธานเป็นบุรุษที่สามเอกพจน์ บทความนี้จะอธิบายหลักการเติม s es อย่างละเอียด พร้อมตัวอย่างการใช้งานที่ชัดเจน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษในประเทศไทยเข้าใจกฎเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

I. กรณีการเติม s/es

  1. คำนามนับได้ (Countable Nouns)

คำนามนับได้ที่เป็นเอกพจน์เมื่อเปลี่ยนเป็นพหูพจน์จะต้องเติม s หรือ es

เติม s: ใช้กับคำนามทั่วไป

Example:

  • Book → Books (หนังสือ → หนังสือหลายเล่ม)
  • Dog → Dogs (สุนัข → สุนัขหลายตัว)

หลักการเติม s es 1

เติม es: ใช้กับคำนามที่ลงท้ายด้วย -s, -sh, -ch, -x, -z

Example:

  • Bus → Buses (รถบัส → รถบัสหลายคัน)
  • Box → Boxes (กล่อง → กล่องหลายใบ)
  1. คำกริยาในประโยคที่มีประธานบุรุษที่สามเอกพจน์

ในประโยค Present Simple Tense หากประธานเป็นบุรุษที่สามเอกพจน์ (He, She, It หรือชื่อคน/สิ่งของ) คำกริยาจะต้องเติม s หรือ es

เติม s: ใช้กับคำกริยาที่ไม่มีข้อยกเว้น

Example:

  • He plays football every day. (เขาเล่นฟุตบอลทุกวัน)
  • She loves cooking. (เธอชอบทำอาหาร)

เติม es: ใช้กับคำกริยาที่ลงท้ายด้วย -s, -sh, -ch, -x, -z, -o

Example:

  • He watches TV at night. (เขาดูทีวีตอนกลางคืน)
  • She goes to school by bus. (เธอไปโรงเรียนโดยรถบัส)

เปลี่ยน y เป็น i และเติม es: หากคำกริยาลงท้ายด้วย y และหน้าตัวอักษร y เป็นพยัญชนะ

Example:

  • He tries his best. (เขาพยายามอย่างดีที่สุด)
  • She studies English every evening. (เธอเรียนภาษาอังกฤษทุกเย็น)

II. หลักการเติม s/es ต่อคำนามในภาษาอังกฤษ

  1. หากคำนามหรือคำกริยาลงท้ายด้วย “s, sh, ch, z และ x” ให้เติม “es” ที่ท้ายคำ

กฎนี้ใช้เมื่อคำลงท้ายด้วยเสียงที่ออกเสียงยากหรือฟังไม่ชัดถ้าเติมเพียง “s” ตัวอย่างเช่น:

  • bus → buses (รถบัส → รถบัสหลายคัน)
  • watch → watches (นาฬิกา → นาฬิกาหลายเรือน)
  • box → boxes (กล่อง → กล่องหลายใบ)
  • buzz → buzzes (เสียงหึ่ง → หลายเสียงหึ่ง)
  1. หากคำนามหรือคำกริยาลงท้ายด้วยพยัญชนะ + “o” ให้เติม “es” ที่ท้ายคำ

สำหรับคำที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะตามด้วยตัวอักษร “o” ให้เติม “es” เช่น:

  • potato → potatoes (มันฝรั่ง → มันฝรั่งหลายหัว)
  • hero → heroes (ฮีโร่ → ฮีโร่หลายคน)
  • echo → echoes (เสียงสะท้อน → หลายเสียงสะท้อน)

ข้อยกเว้น: คำยืมบางคำ เช่น piano → pianos, photo → photos จะเติมเพียง “s”

  1. หากคำนามหรือคำกริยาลงท้ายด้วยสระ + “o” ให้เติม “s” ที่ท้ายคำ

เมื่อ “o” อยู่หลังสระ (a, e, i, o, u) เติม “s” เช่น:

  • zoo → zoos (สวนสัตว์ → สวนสัตว์หลายแห่ง)
  • video → videos (วิดีโอ → วิดีโอหลายคลิป)
  • radio → radios (วิทยุ → วิทยุหลายเครื่อง)
  1. หากคำนามหรือคำกริยาลงท้ายด้วยพยัญชนะ + “y” ให้เปลี่ยน “y” → “i” และเติม “es”

กฎนี้ใช้สำหรับคำที่ “y” อยู่หลังพยัญชนะ เช่น:

  • baby → babies (ทารก → ทารกหลายคน)
  • city → cities (เมือง → เมืองหลายแห่ง)
  • party → parties (งานเลี้ยง → งานเลี้ยงหลายงาน)

หลักการเติม s es 2

  1. หากคำนามหรือคำกริยาลงท้ายด้วยสระ + “y” ให้เติม “s” ที่ท้ายคำ

สำหรับคำที่มี “y” อยู่หลังสระ ไม่ต้องเปลี่ยน “y” แต่เติม “s” เช่น:

  • toy → toys (ของเล่น → ของเล่นหลายชิ้น)
  • day → days (วัน → หลายวัน)
  • key → keys (กุญแจ → กุญแจหลายดอก)
  1. คำนามหรือคำกริยาที่ลงท้ายด้วย “f, fe” ให้เปลี่ยน “f, fe” → “v” และเติม “es”

คำที่ลงท้ายด้วยเสียง “f” หรือ “fe” ให้เปลี่ยนเป็น “v” ก่อนเติม “es” เช่น:

  • knife → knives (มีด → มีดหลายเล่ม)
  • life → lives (ชีวิต → หลายชีวิต)
  • wolf → wolves (หมาป่า → หมาป่าหลายตัว)

ข้อยกเว้น: คำบางคำ เช่น roof → roofs, belief → beliefs เติมเพียง “s”

  1. กรณีอื่น ๆ ให้เติม “s” ที่ท้ายคำ

สำหรับคำทั่วไปที่ไม่เข้าเกณฑ์ข้างต้น เติม “s” เช่น:

  • book → books (หนังสือ → หนังสือหลายเล่ม)
  • dog → dogs (สุนัข → สุนัขหลายตัว)
  • car → cars (รถ → รถหลายคัน)

การทำความเข้าใจกฎเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษได้ถูกต้องและมั่นใจมากขึ้นในทุกบริบท!

อ้างอิง: หหลักการเติม ed ง่ายๆ ใน 5 ขั้นตอน

III. บางกรณีพิเศษเปลี่ยนคำนามเป็นคำนามพหูพจน์

  1. คำนามมีสระอยู่ตรงกลาง ซึ่งมีรูปแบบพหูพจน์ของตัวเอง จึงไม่ได้เติม s/es ตามปกติ

คำนามประเภทนี้มีการเปลี่ยนรูปแบบคำภายใน (internal vowel change) เพื่อแสดงพหูพจน์ โดยไม่เติม “s” หรือ “es” เช่น:

  • man → men (ผู้ชาย → ผู้ชายหลายคน)
  • woman → women (ผู้หญิง → ผู้หญิงหลายคน)
  • tooth → teeth (ฟัน → ฟันหลายซี่)
  • foot → feet (เท้า → เท้าหลายข้าง)
  • mouse → mice (หนู → หนูหลายตัว)
  1. คำนามบางคำเป็นคำพหูพจน์และใช้พร้อมกับกริยาพหูพจน์เท่านั้น

คำนามเหล่านี้มักไม่มีรูปเอกพจน์ในบริบทการใช้งาน เช่น:

  • clothes (เสื้อผ้า)
  • scissors (กรรไกร)
  • trousers (กางเกงขายาว)
  • glasses (แว่นตา)

ตัวอย่างการใช้ในประโยค:

  • These clothes are too expensive. (เสื้อผ้าเหล่านี้แพงเกินไป)
  • My glasses are broken. (แว่นตาของฉันแตกแล้ว)
  1. คำนามที่ลงท้ายด้วย s หรือ es แต่เป็นคำเอกพจน์

คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย “s” หรือ “es” แต่มีความหมายเป็นเอกพจน์ เช่น:

  • news (ข่าว)
  • mathematics (คณิตศาสตร์)
  • physics (ฟิสิกส์)
  • economics (เศรษฐศาสตร์)

ตัวอย่างการใช้ในประโยค:

  • The news is very interesting today. (ข่าววันนี้น่าสนใจมาก)
  • Mathematics is a challenging subject. (คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ท้าทาย)
  1. คำนามที่มาจากต่างประเทศหรือ Latin มีรูปแบบพหูพจน์ของตัวเอง จึงไม่ได้เติม s/es ตามปกติ

คำนามที่มาจากภาษาละตินหรือภาษากรีกมักมีรูปพหูพจน์เฉพาะ เช่น:

  • datum → data (ข้อมูลหนึ่งชุด → ข้อมูลหลายชุด)
  • criterion → criteria (เกณฑ์หนึ่งข้อ → หลายเกณฑ์)
  • analysis → analyses (การวิเคราะห์หนึ่งครั้ง → หลายการวิเคราะห์)
  • alumnus → alumni (ศิษย์เก่า → ศิษย์เก่าหลายคน)

ตัวอย่างการใช้ในประโยค:

  • The data are incomplete. (ข้อมูลยังไม่ครบถ้วน)
  • These criteria are important for the evaluation. (เกณฑ์เหล่านี้สำคัญต่อการประเมิน)
  1. นอกจากนี้ ยังมีคำนามมีรูปแบบพหูพจน์และเอกพจน์เหมือนกัน

คำนามบางคำมีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับบริบท เช่น:

  • sheep → sheep (แกะ)
  • fish → fish (ปลา)
  • deer → deer (กวาง)
  • species → species (สายพันธุ์)

ตัวอย่างการใช้ในประโยค:

  • I saw a sheep in the field. (ฉันเห็นแกะตัวหนึ่งในทุ่ง)
  • There are many sheep grazing in the field. (มีแกะหลายตัวกำลังกินหญ้าในทุ่ง)

IV. วิธีออกเสียง s/es ได้อย่างถูกต้องในภาษาอังกฤษ

การออกเสียง s และ es ในภาษาอังกฤษอาจสร้างความสับสนได้ เนื่องจากมีรูปแบบการออกเสียงที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับเสียงสุดท้ายของคำที่เติม s หรือ es ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่:

  1. ออกเสียงเป็น /s/

ออกเสียง /s/ เมื่อคำลงท้ายด้วยเสียง ไม่ก้อง (voiceless sounds) ได้แก่: /p/, /t/, /k/, /f/, และ /θ/

เสียงไม่ก้องคือเสียงที่ไม่มีการสั่นของเส้นเสียงเมื่อออกเสียง

ตัวอย่างคำและการออกเสียง:

  • stops → /stɒps/ (หยุด)
  • cats → /kæts/ (แมวหลายตัว)
  • books → /bʊks/ (หนังสือหลายเล่ม)
  • laughs → /læfs/ (หัวเราะ)
  • myths → /mɪθs/ (ตำนาน)
  1. ออกเสียงเป็น /z/

ออกเสียง /z/ เมื่อคำลงท้ายด้วยเสียง ก้อง (voiced sounds) และสระ (vowels)

เสียงก้องคือเสียงที่มีการสั่นของเส้นเสียงเมื่อออกเสียง

ตัวอย่างคำและการออกเสียง:

  • dogs → /dɒgz/ (สุนัขหลายตัว)
  • cars → /kɑːrz/ (รถหลายคัน)
  • bags → /bægz/ (กระเป๋าหลายใบ)
  • trees → /triːz/ (ต้นไม้หลายต้น)
  • phones → /fəʊnz/ (โทรศัพท์หลายเครื่อง)
  1. ออกเสียงเป็น /ɪz/

ออกเสียง /ɪz/ เมื่อคำลงท้ายด้วยเสียง sibilant หรือเสียง ฟู่ ได้แก่: /s/, /z/, /ʃ/, /tʃ/, /ʒ/, และ /dʒ/

เสียงเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับเสียง “ช” ในภาษาไทย

ตัวอย่างคำและการออกเสียง:

  • buses → /ˈbʌsɪz/ (รถบัสหลายคัน)
  • dishes → /ˈdɪʃɪz/ (จานหลายใบ)
  • watches → /ˈwɒtʃɪz/ (นาฬิกาหลายเรือน)
  • roses → /ˈrəʊzɪz/ (ดอกกุหลาบหลายดอก)
  • judges → /ˈdʒʌdʒɪz/ (ผู้พิพากษาหลายคน)

V. แบบฝึกหัดหลักการเติม s/es

แบบฝึกหัดที่ 1: เติม s หรือ es ให้คำในวงเล็บ

เติมคำกริยาหรือคำนามในวงเล็บให้ถูกต้อง โดยคำนึงถึงกฎการเติม s/es

  1. She always ______ (watch) TV after dinner.
  2. My brother ______ (go) to school every morning at 7 a.m.
  3. The teacher ______ (teach) English in an interesting way.
  4. This shop sells delicious ______ (dish).
  5. He ______ (pass) the exam every year.
  6. The dog ______ (bark) loudly at night.
  7. I bought two ______ (box) of chocolates for the party.
  8. My mother ______ (wash) the dishes every evening.
  9. The little boy ______ (cry) when he feels hungry.
  10. The library has a collection of rare ______ (book).

แบบฝึกหัดที่ 3: เขียนคำตอบ

เปลี่ยนคำนามในวงเล็บให้เป็นรูปพหูพจน์

  1. I bought three ______ (apple).
  2. The farmer has five ______ (ox).
  3. There are many ______ (child) playing in the park.
  4. My grandmother has two ______ (knife) in her kitchen.
  5. The zoo has a lot of ______ (monkey).
  6. There are beautiful ______ (lady) at the event.
  7. He wrote many ______ (essay) for the competition.
  8. The shepherd took care of his ______ (sheep).
  9. We have two ______ (class) today.

I saw a group of ______ (fish) swimming in the pond.

คำตอบแบบฝึกหัด

แบบฝึกหัดที่ 1:

  1. watches
  2. goes
  3. teaches
  4. dishes
  5. passes
  6. barks
  7. boxes
  8. washes
  9. cries
  10. books

แบบฝึกหัดที่ 3:

  1. apples
  2. oxen
  3. children
  4. knives
  5. monkeys
  6. ladies
  7. essays
  8. sheep
  9. classes
  10. fish

บทความนี้ช่วยสรุปกฎพื้นฐานเกี่ยวกับการเติม s/es พร้อมทั้งตัวอย่างและแบบฝึกหัดที่ช่วยให้คุณเข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้น ลองฝึกใช้งานในประโยคเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้ดียิ่งขึ้น!

Rate this post

รายการบทความ

บางทีคุณอาจสนใจ

If Clause Type 0

ประโยค If Clause Type 0 (Zero conditional): สูตร, การใช้งาน, แบบฝึกหัด

0
คุณกำลังศึกษาเกี่ยวกับ If Clause Type 0 - หนึ่งในโครงสร้างประโยคเงื่อนไขที่สำคัญในภาษาอังกฤษ? บทความนี้จะให้ความรู้เต็มรูปแบบเกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน และแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ If Clause Type 0 เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างชำนาญในการสื่อสารและการเขียน มาติดตามกันเลย! I. ประโยค If Clause Type 0 คืออะไร? If Clause Type...
Modal verbs

Modal verbs คืออะไร? วิธีการใช้กริยาช่วยและแบบฝึกหัดพร้อมคำตอบ

0
คุณกำลังประสบปัญหาในการเรียนรู้ Modal verbs - กริยาช่วยในภาษาอังกฤษหรือไม่? บทความนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยคุณเอาชนะหัวข้อไวยากรณ์สำคัญนี้อย่างมีประสิทธิภาพ มาร่วมค้นพบความรู้และแบบฝึกหัดที่มีประโยชน์เกี่ยวกับ Modal verbs กันเลย! I. Modal Verbs มีอะไรบ้าง? กริยาช่วย (Modal Verbs) หรือที่เรียกว่า กริยาช่วยหรือกริยาแสดงความรู้สึก มีหน้าที่แสดงความจำเป็นและหมายความในประโยค รวมถึงความสามารถ การอนุญาต ความจำเป็น การคาดการณ์ และอื่นๆ ประกอบด้วย...
If Clause Type 3

ความรู้เกี่ยวกับประโยคเงื่อนไขประเภท 3 (If Clause Type 3) และแบบฝึกหัด

0
คุณกำลังพบปัญหาในการเรียน If Clause Type 3 หรือไม่? บทความนี้จะมอบความรู้เต็มรูปแบบเกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน, การแปรผัน และแบบฝึกหัดที่มีคำตอบเกี่ยวกับ If Clause Type 3 ให้กับคุณ ติดตามกันเลยเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของคุณ! I. If Clause Type 3 คืออะไร? ประโยคเงื่อนไขประเภท 3 เป็นประเภทของประโยคที่ใช้เมื่อผู้พูดจินตนาการถึงผลลัพธ์ของเหตุการณ์/สถานการณ์/การกระทำที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในอดีต ตัวอย่าง: If...
Past Perfect Continuous

เรียนรู้รายละเอียด Past Perfect Continuous Tense ในภาษาอังกฤษ

0
คุณกำลังพบปัญหาในการใช้ Past Perfect Continuous ในภาษาอังกฤษหรือไม่? บทความนี้จะให้ข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดเกี่ยวกับรูปแบบนี้ ตั้งแต่คำนิยาม โครงสร้าง วิธีการใช้ สัญญาณในการตรวจสอบ ไปจนถึงตัวอย่างและแบบฝึกหัดที่ใช้งานได้ มาค้นพบกันเลยเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณ! I. Past Perfect Continuous คืออะไร? Past Perfect Continuous เป็นรูปเวลาหนึ่งในภาษาอังกฤษที่ใช้แสดงถึงการกระทำที่เริ่มต้นในอดีต ดำเนินต่อเนื่องไปสักระยะหนึ่งและสิ้นสุดลงในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต ตัวอย่างการใช้ Past Perfect Continuous: I...
If Clause Type 2

If Clause Type 2 – โครงสร้าง, การใช้งาน, แบบฝึกหัดพร้อมคำตอบ

0
คุณกำลังพบปัญหาในการใช้ "If Clause Type 2" (ประโยคเงื่อนไขประเภท 2) ในภาษาอังกฤษหรือไม่? บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน, การแปรผัน และแบบฝึกหัดที่เกี่ยวข้องกับประเภทประโยคเงื่อนไขนี้แก่คุณ มาค้นพบกันเลยเพื่อเพิ่มพูนทักษะภาษาอังกฤษของคุณ! I. If Clause Type 2 คืออะไร? "If Clause Type 2" หรือที่รู้จักกันว่า "ประโยคเงื่อนไขประเภท 2"...

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

โพสต์ใหม่

วันหยุดภาษาอังกฤษ: คู่มือครบถ้วนสำหรับผู้เรียนภาษาอังกฤษ

Vocabulary
Read more