วิธีการบอกเวลาภาษาอังกฤษนพื้นฐานสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษ บทความนี้จะสอนวิธีการอ่านเวลาในภาษาอังกฤษทั้งแบบ British และ American พร้อมประโยคคำถามที่ใช้บ่อย และแบบฝึกหัดเพื่อเสริมทักษะการบอกเวลาในชีวิตประจำวันของคุณ
I. วิธีการอ่านเวลาภาษาอังกฤษ
การบอกเวลาในภาษาอังกฤษมีหลากหลายรูปแบบ โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นสองแบบหลักคือ แบบ British English และแบบ American English ซึ่งทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในวิธีการอ่านเวลา
1. แบบ British English
ระบบการบอกเวลาแบบ British English ใช้ระบบเวลา 12 ชั่วโมง โดยใช้ตัวเลขจาก 1 ถึง 12 ตามด้วย a.m. และ p.m. ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
- a.m. (ante meridiem) หมายถึง ช่วงเวลาตั้งแต่หลังเที่ยงคืนถึงก่อนเที่ยงวัน (00:01 a.m. – 11:59 a.m.)
- p.m. (post meridiem) หมายถึง ช่วงเวลาตั้งแต่หลังเที่ยงวันถึงก่อนเที่ยงคืน (12:00 p.m. – 11:59 p.m.)
การบอกเวลาที่เต็มชั่วโมง เมื่อต้องการบอกเวลาที่เต็มชั่วโมง สามารถเติมคำว่า “o’clock” ท้ายเวลา หรือกล่าว a.m./p.m. ตามด้วยเวลาต่างๆ ได้ เช่น
- 07:00 a.m. = seven o’clock in the morning
- 11:00 p.m. = eleven o’clock at night
การบอกเวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้วแต่ไม่เกิน 30 นาที หากต้องการบอกเวลาที่ผ่านชั่วโมงไปแล้วแต่ไม่เกิน 30 นาที ให้ระบุจำนวนนาทีแล้วตามด้วยคำว่า “past” และชั่วโมงที่ผ่านไป เช่น
- 02:20 a.m. = twenty past two
- 04:10 p.m. = ten past four
การบอกเวลาที่ผ่านชั่วโมงและเกิน 30 นาที สำหรับเวลาที่ผ่านชั่วโมงและเกิน 30 นาที ให้บอกจำนวนนาทีที่เหลือก่อนถึงชั่วโมงถัดไป ตามด้วยคำว่า “to” และชั่วโมงถัดไป เช่น
- 01:35 a.m. = twenty-five to two
- 03:50 p.m. = ten to four
การใช้คำพิเศษสำหรับนาทีที่เฉพาะเจาะจง
- เมื่อเวลามี 15 นาที หรือ 45 นาที สามารถใช้คำว่า “a quarter” เช่น
- 09:15 a.m. = a quarter past nine
- 09:45 p.m. = a quarter to ten
- เมื่อเวลามี 30 นาที ให้ใช้คำว่า “half” เช่น
- 12:30 p.m. = half past twelve
2. แบบ American English
การบอกเวลาแบบ American English ส่วนใหญ่ใช้ระบบเวลา 12 ชั่วโมงพร้อมกับ a.m. และ p.m. เช่นเดียวกับ British English แต่ในบางบริบทเฉพาะ เช่น ทางทหาร หรือการใช้งานอย่างเป็นทางการ อาจใช้ระบบเวลา 24 ชั่วโมง
การบอกเวลาแบบ 12 ชั่วโมง ในชีวิตประจำวัน การบอกเวลาแบบ 12 ชั่วโมงเป็นที่นิยม โดยกล่าวชั่วโมงและนาทีตามลำดับ พร้อมกับ a.m./p.m. เช่น
- 09:30 a.m. = nine thirty a.m.
- 02:45 p.m. = two forty-five p.m.
การบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ในบริบทเฉพาะ เช่น ทางทหาร หรือการใช้งานที่เป็นทางการ ระบบเวลา 24 ชั่วโมงจะถูกใช้ โดยไม่ต้องใช้ a.m./p.m. เช่น
- 14:20 = fourteen twenty
- 06:05 = zero six oh five หรือ six oh five
เทคนิคเพิ่มเติมในการบอกเวลา เพื่อให้การบอกเวลาเป็นธรรมชาติและหลากหลายมากขึ้น สามารถเติมคำประมาณเช่น “about”, “around”, หรือ “nearly” ลงไปได้ เช่น
- 07:18 = It’s about seven o’clock
- 10:28 = It’s nearly half past ten
นอกจากนี้ในแบบ American ยังมีการใช้คำว่า “quarter past” และ “quarter to” เช่นกัน แต่ไม่เป็นที่นิยมเท่าแบบ British
II. ประโยคคำถามเรื่องเวลาในภาษาอังกฤษ
การถามเวลาเป็นส่วนสำคัญในการสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทราบเวลาปัจจุบันหรือกำหนดเวลาสำหรับกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ บทความนี้จะแนะนำประโยคคำถามที่ใช้บ่อยในการบอกเวลาในภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งตัวอย่างการใช้งานเพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
- What time is it?
ประโยคคำถามที่พบบ่อยที่สุดในการถามเวลา คือ “What time is it?” ซึ่งแปลว่า “ตอนนี้กี่โมง?” ใช้ในสถานการณ์ทั่วไปเมื่อคุณต้องการทราบเวลาปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
- A: Excuse me, what time is it?
- B: It’s three fifteen.
- Could you tell me the time, please?
ประโยคนี้เป็นการถามเวลาอย่างสุภาพ โดยใช้คำว่า “could” และ “please” เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลในการสอบถาม
ตัวอย่าง:
- A: Could you tell me the time, please?
- B: Sure, it’s ten o’clock in the morning.
- Do you have the time?
อีกหนึ่งประโยคที่ใช้ถามเวลาอย่างไม่เป็นทางการ คือ “Do you have the time?” ซึ่งหมายถึง “คุณมีเวลาไหม?” หรือ “คุณทราบเวลากี่โมงแล้วไหม?”
ตัวอย่าง:
- A: Do you have the time?
- B: Yes, it’s half past two.
- What’s the time now?
ประโยคนี้มีความหมายคล้ายกับ “What time is it?” แต่เพิ่มคำว่า “now” เพื่อเน้นถึงเวลาปัจจุบัน
ตัวอย่าง:
- A: What’s the time now?
- B: It’s eight forty-five.
- Can you tell me what time it is?
การถามเวลาในรูปแบบที่สุภาพและเป็นทางการมากขึ้น โดยใช้คำว่า “can” แทน “could”
ตัวอย่าง:
- A: Can you tell me what time it is?
- B: Of course, it’s seven thirty in the evening.
- What time do we need to leave?
ประโยคนี้ใช้เมื่อคุณต้องการทราบเวลาที่ต้องออกจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง เช่น การนัดหมายหรือการเดินทาง
ตัวอย่าง:
- A: What time do we need to leave?
- B: We should leave by six o’clock to catch the train.
- What time does the meeting start?
ใช้ถามเวลาเริ่มต้นของการประชุมหรือกิจกรรมที่กำหนด
ตัวอย่าง:
- A: What time does the meeting start?
- B: It starts at nine o’clock sharp.
- How late are you staying?
ประโยคนี้ใช้ถามเวลาที่คนนั้นจะอยู่ต่อไปอีกนานเท่าไหร่
ตัวอย่าง:
- A: How late are you staying?
- B: I’ll be here until midnight.
อ้างอิง: เรียนรู้เดือน 12 เดือนภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและตัวย่อ
III. แบบฝึกหัดการบอกเวลาภาษาอังกฤษพร้อม
เพื่อเสริมทักษะการบอกเวลาในภาษาอังกฤษ นี่คือแบบฝึกหัดที่คุณสามารถทำได้:
แบบฝึกหัดที่ 1: การแปลเวลา
แปลเวลาจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง
- 03:45 น. = __________
- 12:30 น. = __________
- 08:20 น. = __________
- 05:15 น. = __________
- 11:50 น. = __________
คำตอบ:
- 03:45 น. = a quarter to four
- 12:30 น. = half past twelve
- 08:20 น. = twenty past eight
- 05:15 น. = a quarter past five
- 11:50 น. = ten to twelve
แบบฝึกหัดที่ 2: การจับคู่เวลา
จับคู่เวลาในรูปแบบตัวเลขกับการอ่านเวลาในภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง
เวลาในรูปแบบตัวเลข | การอ่านเวลาในภาษาอังกฤษ |
01:30 | a. half past one |
04:45 | b. quarter to five |
07:20 | c. twenty past seven |
10:15 | d. a quarter past ten |
12:50 | e. ten to one |
คำตอบ:
- 01:30 = a. half past one
- 04:45 = b. quarter to five
- 07:20 = c. twenty past seven
- 10:15 = d. a quarter past ten
- 12:50 = e. ten to one
การบอกเวลาภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่สำคัญในการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นแบบ British หรือ American การเรียนรู้วิธีการอ่านเวลาและการใช้ประโยคคำถามเกี่ยวกับเวลาอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจ บทความนี้ได้แนะนำวิธีการอ่านเวลา ประโยคคำถามที่ใช้บ่อย และแบบฝึกหัดที่ช่วยเสริมทักษะการบอกเวลาของคุณ เริ่มฝึกฝนวันนี้เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้ดียิ่งขึ้น!