The IELTS Club x Prepedu

เมื่อเรียนภาษาอังกฤษ การเข้าใจและใช้คำวิเศษณ์อย่างถูกต้องเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารข้อมูลอย่างแม่นยำ ในบรรดาประเภทคำวิเศษณ์ต่าง ๆ คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time) มีบทบาทสำคัญในการบอกเวลาหรือความสัมพันธ์เกี่ยวกับเวลาในประโยค วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจคำวิเศษณ์บอกเวลาและวิธีการใช้งานในภาษาอังกฤษ

I. คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time) คืออะไร

คำวิเศษณ์บอกเวลา (Adverbs of Time) คือคำหรือวลีที่ใช้เพื่ออธิบายเวลา หรือความเกี่ยวข้องกับเวลาในประโยค คำวิเศษณ์เหล่านี้สามารถแสดงถึงเวลาที่แน่นอนหรือไม่แน่นอน หรือช่วงระยะเวลาที่เกิดขึ้น

คำวิเศษณ์บอกเวลาช่วยให้เราตอบคำถาม เช่น

  • การกระทำนั้นเกิดขึ้น เมื่อไหร่
  • การกระทำนั้นใช้เวลานาน แค่ไหน
  • การกระทำนั้นเกิดขึ้นบ่อย เพียงใด

ตัวอย่างใหม่:

  • We will finish the project next week
    (พวกเราจะทำโครงการนี้เสร็จในสัปดาห์หน้า)
  • She stayed in Bangkok for three days
    (เธอพักอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 3 วัน)
  • I saw him at the park yesterday evening
    (ฉันเจอเขาที่สวนเมื่อเย็นวานนี้)

II. ประเภทของ Adverbs of Time

ประเภทของคำวิเศษณ์บอกเวลา

1. คำวิเศษณ์บอกเวลาที่ระบุช่วงเวลา

คำวิเศษณ์บอกเวลาที่ระบุช่วงเวลาใช้เพื่อกำหนดเวลาที่ชัดเจนว่ากิจกรรมหรือเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อใด โดยคำเหล่านี้มักอยู่ในตำแหน่งท้ายประโยค

คำวิเศษณ์บอกเวลาที่ระบุช่วงเวลา เช่น

  • Yesterday (เมื่อวานนี้)
  • Today (วันนี้)
  • Tomorrow (พรุ่งนี้)
  • Last week (สัปดาห์ที่แล้ว)
  • Next month (เดือนหน้า)

ตัวอย่างใหม่:

  • She attended an important meeting yesterday afternoon
    (เธอเข้าประชุมสำคัญเมื่อวานช่วงบ่าย)
  • We are going to a music concert next month
    (พวกเรากำลังจะไปชมคอนเสิร์ตในเดือนหน้า)
  • The weather was perfect for a picnic last week
    (สภาพอากาศเหมาะสำหรับปิกนิกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)

2. คำวิเศษณ์บอกเวลาที่ระบุว่า “นานแค่ไหน”

คำวิเศษณ์ประเภทนี้ใช้เพื่อบอกข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาที่การกระทำเกิดขึ้น และมักจะวางอยู่ที่ท้ายประโยค

คำวิเศษณ์บอกเวลาที่ระบุว่า “นานแค่ไหน” เช่น

  • For (เป็นเวลา)
  • Since (ตั้งแต่)
  • All day (ทั้งวัน)
  • A few hours (ไม่กี่ชั่วโมง)
  • Since + ช่วงเวลา (ตั้งแต่เวลาใดเวลาหนึ่ง)
  • Ever since (ตั้งแต่นั้นมา)

ตัวอย่างใหม่:

  • She studied for the exam all night
    (เธออ่านหนังสือเตรียมสอบตลอดทั้งคืน)
  • He has been working in this company since 2015
    (เขาทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2015)
  • They talked about their project for a few hours
    (พวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจกต์เป็นเวลาหลายชั่วโมง)

3. คำวิเศษณ์บอกเวลาที่แสดงถึงความถี่

คำวิเศษณ์บอกเวลาประเภทนี้ หรือที่เรียกว่าคำวิเศษณ์ที่บอกความถี่ ใช้เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับความถี่ของการกระทำ

คำวิเศษณ์บอกเวลาที่แสดงถึงความถี่ เช่น

  • Always (เสมอ)
  • Often (บ่อยครั้ง)
  • Sometimes (บางครั้ง)
  • Rarely (แทบจะไม่เคย)
  • Never (ไม่เคย)
  • Seldom (นาน ๆ ครั้ง)
  • Generally (โดยทั่วไป)
  • Occasionally (บางโอกาส)
  • Monthly (ทุกเดือน)
  • Weekly (ทุกสัปดาห์)
  • Every + ช่วงเวลา (ทุก…)
  • จำนวนครั้ง + times (จำนวนครั้ง เช่น สองครั้ง)

ตัวอย่างใหม่:

  • She always brings her notebook to class
    (เธอพกสมุดจดบันทึกไปชั้นเรียนเสมอ)
  • We occasionally watch a movie together on Friday nights
    (พวกเราบางครั้งก็ดูหนังด้วยกันในคืนวันศุกร์)

ข้อควรระวังในการใช้คำวิเศษณ์บอกเวลาที่แสดงถึงความถี่

  • หากคำกริยาในประโยคเป็น verb to be คำวิเศษณ์บอกความถี่จะวางไว้หลังคำกริยานั้น
    ตัวอย่าง: They were rarely home on holidays
    (พวกเขาแทบจะไม่เคยอยู่บ้านในวันหยุด)
  • ตำแหน่งของคำวิเศษณ์สามารถอยู่ต้นหรือท้ายประโยคได้ เพื่อเน้นย้ำความถี่ของการกระทำ
    ตัวอย่าง:

    • Always do your best to achieve your goals
      (จงพยายามทำให้ดีที่สุดเสมอเพื่อบรรลุเป้าหมาย)
    • We go swimming every Saturday morning
      (พวกเราไปว่ายน้ำทุกเช้าวันเสาร์)

4. คำวิเศษณ์บอกเวลาที่แสดงถึงความคืบหน้าหรือสถานะของเหตุการณ์

คำวิเศษณ์เหล่านี้ใช้เพื่อแสดงถึงความคืบหน้าหรือสถานะของเหตุการณ์ เช่น

  • Already (แล้ว)
  • Still (ยังคง)
  • Yet (ยัง)
  • Just (เพิ่ง)

ตัวอย่างใหม่:

  • The meeting has already started, so let’s join quickly
    (การประชุมเริ่มไปแล้ว ดังนั้นเรารีบเข้าร่วมกันเถอะ)
  • She has been studying for hours, but she still has more to review
    (เธอเรียนมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทบทวน)
  • I haven’t finished my homework yet
    (ฉันยังทำการบ้านไม่เสร็จ)
  • He has just left the house, so he should be here soon
    (เขาเพิ่งออกจากบ้านไป ดังนั้นเขาน่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้)

อ้างอิง: Adverb คืออะไร? เจาะลึก 8 ประเภทที่ควรรู้!

III. ลำดับการจัดเรียงคำวิเศษณ์บอกเวลาในประโยค

เมื่อใช้คำวิเศษณ์บอกเวลาหลายคำในประโยค จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎลำดับการจัดเรียง โดยทั่วไปคำวิเศษณ์บอกเวลามักอยู่ท้ายประโยค หลังคำวิเศษณ์บอกความถี่ คำวิเศษณ์บอกลักษณะ หรือคำวิเศษณ์บอกระดับ

ลำดับที่ควรใช้:

(1) ระยะเวลา – (2) ความถี่ – (3) ช่วงเวลา

ตัวอย่างใหม่:

โครงสร้าง ตัวอย่าง คำแปล
(1) ระยะเวลา – (2) ความถี่ Lisa studies (1) for six hours (2) every weekend (ลิซ่าเรียนหนังสือเป็นเวลาหกชั่วโมงทุกสุดสัปดาห์)
(2) ความถี่ – (3) ช่วงเวลา The store opens (2) every day (3) from 9 a.m. to 5 p.m. (ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น)
(1) ระยะเวลา – (3) ช่วงเวลา He will travel abroad (1) for three weeks (3) starting next month (เขาจะเดินทางไปต่างประเทศเป็นเวลาสามสัปดาห์เริ่มตั้งแต่เดือนหน้า)
(1) ระยะเวลา – (2) ความถี่ – (3) ช่วงเวลา (1) Every evening, she (2) rarely watches TV (3) for more than an hour (ทุกเย็นเธอแทบจะไม่เคยดูทีวีเกินหนึ่งชั่วโมง)

IV. แบบฝึกหัดคำวิเศษณ์บอกเวลาพร้อมคำตอบ

แบบฝึกหัด 1: เติมคำวิเศษณ์บอกเวลาที่เหมาะสมลงในช่องว่างเพื่อทำให้ประโยคสมบูรณ์

  1. She ___________ reads a book before bedtime.
  2. The plane ___________ departs on schedule.
  3. I ___________ take a nap in the afternoon.
  4. They ___________ celebrate holidays with their relatives.
  5. We ___________ go jogging in the park every Sunday morning.
  6. He ___________ calls his grandparents on their birthdays.
  7. The shop ___________ opens at 9 a.m.
  8. She ___________ completes her homework before dinner.
  9. They ___________ enjoy hiking in the mountains during the summer.
  10. I ___________ listen to music while doing homework.

คำตอบ:

  1. frequently
  2. always
  3. sometimes
  4. often
  5. regularly
  6. rarely
  7. usually
  8. often
  9. occasionally
  10. always

แบบฝึกหัด 2: เขียนประโยคให้สมบูรณ์โดยใช้คำวิเศษณ์บอกเวลาในตำแหน่งที่เหมาะสม

  1. always / breakfast / she / has / at 7 a.m.
  2. sometimes / we / play / board games / after dinner
  3. rarely / he / misses / a deadline / for work
  4. often / their parents / they / visit / on weekends
  5. usually / I / walk / to school / in the morning
  6. regularly / the coach / trains / the players / at 6 p.m.
  7. never / she / forgets / her keys
  8. frequently / he / goes / to the library / to study

คำตอบ:

  1. She always has breakfast at 7 a.m.
  2. We sometimes play board games after dinner.
  3. He rarely misses a deadline for work.
  4. They often visit their parents on weekends.
  5. I usually walk to school in the morning.
  6. The coach regularly trains the players at 6 p.m.
  7. She never forgets her keys.
  8. He frequently goes to the library to study.

ข้างต้นคือชุดความรู้เกี่ยวกับคำวิเศษณ์บอกเวลาในภาษาอังกฤษอย่างครบถ้วนการเข้าใจและใช้คำวิเศษณ์บอกเวลาในภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้การถ่ายทอดข้อมูลเกี่ยวกับเวลาเป็นไปอย่างแม่นยำ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจคำวิเศษณ์บอกเวลาและวิธีการใช้งานได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

5/5 - (1 vote)
The IELTS Club x Prepedu

รายการบทความ

บางทีคุณอาจสนใจ

If Clause Type 0

เจาะลึก If Clause Type 0 (Zero Conditional): ประโยคเงื่อนไข “ความจริงแท้” ที่ต้องรู้ โครงสร้าง วิธีใช้ ตัวอย่างครบ

0
คุณกำลังศึกษาเกี่ยวกับ If Clause Type 0 - หนึ่งในโครงสร้างประโยคเงื่อนไขที่สำคัญในภาษาอังกฤษ? บทความนี้จะให้ความรู้เต็มรูปแบบเกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน และแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ If Clause Type 0 เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างชำนาญในการสื่อสารและการเขียน มาติดตามกันเลย! I. If Clause Type 0 คืออะไร? ทำความเข้าใจแก่นแท้ของประโยคเงื่อนไขแบบศูนย์ If clause type...
If Clause Type 3

If Clause Type 3 (ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 3): โครงสร้าง วิธีใช้ ตัวอย่าง เข้าใจง่ายในหน้าเดียว!

0
ประโยคเงื่อนไข (If Clause) เป็นโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่สำคัญในภาษาอังกฤษ ช่วยให้เราสื่อสารความสัมพันธ์ระหว่าง "เงื่อนไข" กับ "ผลลัพธ์" ได้อย่างชัดเจน ในภาษาอังกฤษมีประโยคเงื่อนไขหลายประเภท ได้แก่ Type 0 (ความจริงทั่วไป), Type 1 (ความเป็นไปได้ในอนาคต), Type 2 (สถานการณ์สมมติในปัจจุบัน), Type 3 (สถานการณ์สมมติในอดีต) และ...
Modal verbs

Modal Verb คืออะไร? สรุปหลักการใช้กริยาช่วย เข้าใจง่าย ฉบับสมบูรณ์

0
ในการสื่อสารภาษาอังกฤษให้มีมิติลึกซึ้ง คุณจำเป็นต้องเข้าใจเครื่องมือสำคัญอย่าง Modal Verb คือ "กริยาช่วยชนิดพิเศษ" ที่เพิ่มความหมายให้ประโยคของคุณมีรายละเอียดมากขึ้น Modal verb คือกุญแจที่ช่วยให้คุณสื่อสารได้ตรงจุดประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความสามารถ บอกความเป็นไปได้ หรือขออนุญาต การเข้าใจ modal verb คือการเปิดประตูไปสู่การใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสื่อเจตนา อารมณ์ และทัศนคติได้อย่างแม่นยำในทุกบริบทการสนทนา บทความนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยคุณเอาชนะหัวข้อไวยากรณ์สำคัญนี้อย่างมีประสิทธิภาพ มาร่วมค้นพบความรู้และแบบฝึกหัดที่มีประโยชน์เกี่ยวกับ Modal verbs กันเลย! I....
If Clause Type 1

If Clause Type 1 (First Conditional): โครงสร้าง วิธีใช้ ตัวอย่าง แบบฝึกหัด และข้อควรระวัง ฉบับสมบูรณ์

0
คุณต้องการที่จะเชี่ยวชาญไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่? มาค้นพบ "If Clause Type 1" - ประโยคเงื่อนไขประเภท 1, หัวข้อสำคัญในการสื่อสารภาษาอังกฤษ บทความนี้จะให้ความรู้ที่ครบถ้วนเกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน, คำแนะนำต่างๆ และรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของ If Clause Type 1, ช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างชำนาญในทุกสถานการณ์ อย่าพลาดบทความที่มีประโยชน์นี้นะ! I. If Clause Type 1...
If Clause Type 2

ประโยคเงื่อนไขแบบที่ 2 (If Clause Type 2): คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับคนไทย เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

0
คุณกำลังพบปัญหาในการใช้ "If Clause Type 2" (ประโยคเงื่อนไขประเภท 2) ในภาษาอังกฤษหรือไม่? บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้าง, การใช้งาน, การแปรผัน และแบบฝึกหัดที่เกี่ยวข้องกับประเภทประโยคเงื่อนไขนี้แก่คุณ มาค้นพบกันเลยเพื่อเพิ่มพูนทักษะภาษาอังกฤษของคุณ! I. If Clause Type 2 คืออะไร? If clause type 2 คือประโยคเงื่อนไขที่ใช้พูดถึงสถานการณ์ที่ "ตรงข้ามกับความเป็นจริงในปัจจุบัน" หรือ...

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

โพสต์ใหม่

ความแตกต่างระหว่าง because กับ because of และการใช้ในภาษาอังกฤษ

Grammar
Read more